กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--กรมส่งเสริมสหกรณ์
กรมส่งเสริมสหกรณ์ ร่วมกับขบวนการสหกรณ์ จัดงานวันสหกรณ์แห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๖ ยิ่งใหญ่ มุ่งหวังให้ประชาชนรับรู้ เข้าใจวิธีการสหกรณ์ สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ยกระดับพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศชาติอย่างยั่งยืน ขณะที่ไทยประสบผลสำเร็จจากการจัดตั้งสหกรณ์ด้วยจำนวนมากกว่า ๘,๐๐๐ สหกรณ์ มีสมาชิกมากกว่า ๑๐.๘ ล้านคน ด้านภาครัฐมั่นใจอนาคตอันใกล้ ขบวนการสหกรณ์ไทยพัฒนาเป็นแนวหน้าของอาเซียน
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในพิธีเปิดงานวันสหกรณ์แห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๖ ซึ่งจัดขึ้นในอังคารที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ว่า นับตั้งแต่ก่อตั้งสหกรณ์แห่งแรกในประเทศไทย เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๙ ณ ท้องที่อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก จนกระทั่งปัจจุบัน ตลอดเวลาเกือบ ๑๐๐ ปี ระบบสหกรณ์มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากจำนวนสหกรณ์ของประเทศไทยในปัจจุบันที่มีมากกว่า ๘,๐๐๐ สหกรณ์ บริหารธุรกิจภายใต้ทุนดำเนินงานมากกว่า ๒ ล้านล้านบาท ประชากรของประเทศเป็นสมาชิกสหกรณ์เพิ่มขึ้น และได้รับประโยชน์โดยตรงจากการเป็นสมาชิกสหกรณ์มากกว่า ๑๐.๘ ล้านคน คิดเป็นร้อยละ ๑๖ ของประชากรในประเทศ ครอบคลุมในทุกสาขาอาชีพทั้งภาคการเกษตรและนอกภาคการเกษตร ขณะนี้ มติคณะรัฐมนตรีประกาศให้สหกรณ์เป็นวาระแห่งชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนรับรู้ เข้าใจการสหกรณ์ พร้อมทั้งนำไปใช้ในวิถีชีวิตและการดำเนินงานอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศชาติอย่างยั่งยืน
การจัดงานวันสหกรณ์แห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๖ ในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสดีที่ขบวนการสหกรณ์จะได้มาพบปะ ศึกษา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และนำข้อมูลสารสนเทศที่ได้รับรู้ไปพัฒนาสหกรณ์ ซึ่งในอนาคตอันใกล้ขบวนการสหกรณ์จะต้องเรียนรู้การสหกรณ์ของประเทศต่างๆ ในอาเซียนด้วย เพื่อพัฒนาขบวนการสหกรณ์และร่วมมือกันในมิติที่กว้างขวางขึ้นในระดับภูมิภาค
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สหกรณ์เป็นระบบที่ยึดมั่นอุดมการณ์การช่วยตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นพลังที่สามารถแก้ไขปัญหาและพัฒนาได้ในทุกเรื่อง เป็นเครื่องมือของรัฐในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การอยู่ดี กินดี มีสุขของประชาชนได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน ซึ่งประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้ใช้การสหกรณ์เป็นเครื่องมือในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ จนเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะปีที่ผ่านมาองค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นปีสหกรณ์สากล สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญและการยอมรับในระดับนานาชาติ
สำหรับการสหกรณ์ในประเทศไทยนั้นได้มีการพัฒนามาโดยตลอด ซึ่งการส่งเสริมและพัฒนางานสหกรณ์ในประเทศต้องให้ความสำคัญและคำนึงถึงประโยชน์ที่สมาชิกจะได้รับเป็นลำดับแรก สหกรณ์จำเป็นต้องนำศาสตร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการในด้านต่างๆ มาปรับใช้ในการบริหารจัดการ มีระบบการตรวจสอบ ประเมินผล ประเมินความคุ้มค่า เพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การส่งเสริมและพัฒนาสหกรณ์เป็นงานที่ต้องร่วมมือกันทั้งภาครัฐและขบวนการสหกรณ์ โดยภาครัฐในฐานะเจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์จะต้องเป็นบุคลากรผู้ที่มีความรอบรู้เชิงวิชาการ สามารถให้คำแนะนำ ประสานความร่วมมือ ร่วมคิด วิเคราะห์ ได้เป็นอย่างดี ส่วนทางด้านขบวนการสหกรณ์ สมาชิกสหกรณ์ภาคการเกษตรและนอกภาคการเกษตรจะต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ และสหกรณ์ในฐานะที่เป็นองค์กรทางธุรกิจจะต้องมีการเรียนรู้ให้มากขึ้น ก้าวให้ทันการเปลี่ยนแปลง ยึดมั่นในความเป็นองค์กรทางธุรกิจในรูปแบบของสหกรณ์ให้ได้
นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า การสหกรณ์ในประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งแก่ระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่งมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๒๗ ประกาศให้วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวันสหกรณ์แห่งชาติ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ร่วมกับขบวนการสหกรณ์ จึงได้จัดงานวันสหกรณ์แห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๖ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์วันสหกรณ์แห่งชาติ ให้ผู้เข้าร่วมงานได้เรียนรู้เรื่องการสหกรณ์จากประสบการณ์ตรง โดยการร่วมกิจกรรมและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน นอกจากส่วนกลางได้จัดงานที่กรุงเทพฯ แล้ว ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ยังได้จัดงานพร้อมกันในวันนี้ด้วย
งานวันสหกรณ์แห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๖ มีผู้เข้าร่วมงาน ประกอบด้วย ขบวนการสหกรณ์ ผู้นำสมาชิกสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร ข้าราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ และประชาชนทั่วไป จำนวน ๑,๕๐๐ คน ภายในงาน มีนิทรรศการความก้าวหน้าของขบวนการสหกรณ์สู่ศตวรรษที่ ๒ และการก้าวสู่ทศวรรษที่ ๕ ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์งานสหกรณ์ การเสวนารับฟังความคิดเห็นการพัฒนาขบวนการสหกรณ์จากบุคลากรผู้มีความรู้และประสบการณ์ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งการมอบรางวัลแก่สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรดีเด่นระดับภาค ประจำปี ๒๕๕๖ ประกอบด้วย สหกรณ์ดีเด่นระดับภาค จำนวน ๑๘ สหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกรดีเด่นระดับภาค จำนวน ๘ กลุ่ม ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้จะทำให้สมาชิกสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และประชาชนทั่วไป ได้รับทราบและเข้าใจเรื่องการสหกรณ์ ตลอดจนการดำเนินงานของขบวนการสหกรณ์และกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี