กรุงเทพฯ--4 มี.ค.--คูดี
เผยโฉมโครงการ “บุรีรัมย์ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต” (Buriram International Circuit : BRIC) สนามมอเตอร์สปอร์ตมาตรฐานระดับโลก โดย นายเนวิน ชิดชอบ ประธานที่ปรึกษาโครงการฯ กล่าวถึงเป้าหมายในการทุ่มทุนพัฒนาโครงการดังกล่าวว่า เกิดขึ้นจากความต้องการพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ให้เป็นเมืองท่องเที่ยว และกีฬาที่ดีที่สุด ติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศไทย ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศจะต้อง ปักหมุดสถานที่ที่ควรมาเที่ยวให้ได้สักครั้งในชีวิต หลังจากประสบความสำเร็จในการสร้างทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ดและสนามกีฬา ไอ-โมบาย สเตเดียม จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดบุรีรัมย์ไปแล้ว โดยการสร้างสนามมอเตอร์สปอร์ตบุรีรัมย์ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิตนี้ จะทำให้ประเทศไทยมีสนามมอเตอร์สปอร์ตระดับมาตรฐานโลกเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกที่จังหวัดบุรีรัมย์ที่จะทำให้จังหวัดบุรีรัมย์ไม่ใช่เมืองผ่านอีกต่อไปแต่จะกลายเป็นเมืองหลักที่จะต้องแวะมาเที่ยวสำหรับผู้ที่รักการกีฬา โดยมั่นใจว่าจะเป็นสนามมอเตอร์สปอร์ตที่ดีที่สุดในอาเซียน และเมื่อการก่อสร้างสนามแล้วเสร็จมีแผนที่จะผลักดันในระดับนานาชาติให้เป็นสนามแข่งรถที่ใช้ในการแข่งขันทัวร์นาเม้นท์สำคัญๆ ระดับโลก ซึ่งใช้เงินลงทุนในโครงการนี้กว่า 60 ล้านเหรียญสหรัฐ มั่นใจว่าภายใน 5 ปีนับจากนี้ โครงการฯนี้จะช่วย กระตุ้นเศรษฐกิจของบุรีรัมย์และของประเทศได้ เพราะจากแผนการพัฒนาธุรกิจที่ประมาณการไว้จะมี ผู้เข้าชม หรือใช้สนาม ไม่ต่ำกว่าปีละ 1,000,000 คน
ด้าน นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการโครงการฯ เผยถึงรายละเอียดการก่อสร้าง สนามว่า “ได้เซ็นต์สัญญาข้อตกลงในการออกแบบ, พัฒนา, และแต่งตั้งที่ปรึกษาการก่อสร้างสนามแล้วโดย เลือก Mr. Hermann Tilke จากประเทศเยอรมัน ที่มีประสบการณ์ด้านการออกแบบสนามแข่งรถ ทั้ง F1 และ Moto GP อันดับ 1 ของโลก มีผลงานมากกว่า 60 สนามทั่วโลก และมี 15 สนาม ที่จัดการแข่งขัน F1 มาแล้ว ด้วยชื่อเสียงและผลงานเป็นที่ยอมรับของนักแข่งรถทั่วโลกมาเป็นผู้ออกแบบและสร้างสนามแข่งรถ ครั้งนี้โดย สนามบุรีรัมย์ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ใช้พื้นที่กว่า 500 ไร่ และจะขยายเพิ่มเติมขึ้นอีกเป็นกว่า 700 ไร่ ตั้งอยู่ใกล้กับสนามไอ-โมบาย สเตเดียม มีระยะทางต่อรอบยาวมากกว่า 4 กิโลเมตร จำนวน 16 โค้งเป็นสนามสมัยใหม่รูปแบบความเร็วสูง เหมาะกับรถแข่ง สมัยใหม่ที่มีความเร็วสูงขึ้น เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบกีฬามอเตอร์สปอร์ตต้องมาทดสอบความสามารถในสนามนี้ เพราะนี่คือสนามมอเตอร์สปอร์ตมาตรฐานโลก สนามบุรีรัมย์อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิตจะเป็นสนามเดียว ในประเทศไทย ที่ได้การรองรับมาตรฐานระดับ FIA Category 2 จากสมาพันธ์ยานยนต์นานาชาติ หรือ เอฟไอเอ (Federation International de I’Automobile : FIA ) ซึ่งหมายถึงตัวสนามจะสามารถรองรับ การแข่งขันระดับ F3, GT1, GT2 และ GT 3 ได้ และจะได้รับการรองรับมาตรฐานระดับ FIM Grade A จากสหพันธ์จักรยานยนต์นานาชาติ หรือ เอฟไอเอ็ม (Federation International de Motocyclisme : FIM) ซึ่งสามารถจัดการแข่งขันระดับ Moto GP หรือ Superbike World Championship ได้ด้วย โดยจะพัฒนา สนามต่อเนื่องไปกับ Tilke GmbH & Co. KG นำโดย Mr. Hermann Tilke เพื่อพัฒนาโครงการนี้ ให้ถูกจัดเข้าสู่ทัวร์นาเม้นท์สำคัญระดับโลกต่อเนื่องมากที่สุด
นอกจากนี้ด้วยศักยภาพของสนามยังสามารถรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยและในอนาคตกับกลุ่มอาเซียนแบบครบวงจร เพื่อใช้เป็นสนามทดสอบสมรรถนะรถยนต์, รถจักรยานยนต์และผลิตภัณท์ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ก่อนการผลิตและจำหน่าย ซึ่งในปัจจุบันยังต้องมีการนำรถออก ไปทดสอบที่ต่างประเทศ และมั่นใจว่าจะดึงดูดกลุ่มผู้รักกีฬามอเตอร์สปอร์ต ที่ต้องการสนามที่ได้มาตรฐานมา ทดสอบสมรรถนะของรถ และความสามารถของ ผู้ขับขี่อีกด้วย
Mr. Hermann Tilke กล่าวว่า การออกแบบสนามบุรีรัมย์ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ได้มีการออกแบบภายใต้แนวคิดที่ว่าใครมาแข่งที่สนามนี้จะต้องได้รับความสนุกและท้าทายในการขับโดยได้ออกแบบให้เป็นทางวิ่งความเร็วสูงในรูปแบบใหม่ รวมทั้งทางโค้งที่เรียกว่าโค้งอารีน่า (Arena) ที่รถยนต์สามารถเร่งความเร็วสูงสุดในทางตรงได้ถึง 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก่อนถึงจุดเข้าโค้ง และสำหรับรถมอเตอร์ไซค์จะสามารถเร่งความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตร ก่อนถึงจุดเข้าโค้ง รวมทั้งการออกแบบสนามในส่วนแกรนด์สแตนที่นั่งสำหรับผู้ชมได้คำนึงถึงทิศทางของแสงแดดและลม ตลอดจนทัศนวิสัยในการชมการแข่งขัน โดยเป็นเพียงสนามเดียวในโลกที่มีการวางตำแหน่งที่นั่งสำหรับผู้ชมให้สามารถมองเห็นการแข่งขันในสนามในทุกโค้งได้ทั้งหมด 100%
โครงการ บุรีรัมย์ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1 ปี จะแล้วเสร็จ และเปิดดำเนินการในเดือนตุลาคม 2557 ด้วยงบลงทุน 2,000 ล้านบาท หรือ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นการลงทุนร่วมกันของกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ในจังหวัดบุรีรัมย์โดยมีสถาบันการเงินในต่างประเทศให้การ สนับสนุน ด้วยข้อเสนอที่ว่า “จะทำสนามที่ได้มาตรฐานระดับโลก” มีความจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน และรองรับผู้เข้าชมและผู้ใช้สนามได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 1,000,000 คน