กรุงเทพฯ--4 มี.ค.--อีริคสัน
การศึกษาอย่างละเอียดภายใน 16 เมืองใหญ่ของประเทศอินเดีย ได้เปิดเผยวีถีชีวิตดิจิตอลของเด็ก (9-11 ปี) เด็กก่อนวัยรุ่น (12-15 ปี) และเด็กวัยรุ่น (16-18 ปี) โดยตั้งชื่อกลุ่มว่า Generation Z
ประมาณ 30 จากทั้งหมด 69 ล้านคน เป็นผู้บริโภคในเขตเมืองของกลุ่ม Generation Z ที่มีโทรศัพท์มือถือ และ 3 ล้านคนในกลุ่มนี้มีการใช้โมบายล์บรอดแบนด์บนโทรศัพท์ของตน
การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆบนโทรศัพท์มือถือของกลุ่มเด็กที่มีอายุน้อย (9-11 ปี) มีลักษณะที่เหมือนกับการใช้งานของกลุ่มเด็กที่มีอายุมากกว่า
? พ่อแม่ที่ใช้โมบายล์บรอดแบนด์อยู่แล้ว มีแนวโน้มมากกว่าที่จะแนะนำให้ลูกใช้เทคโนโลยีเช่นเดียวกัน
งานวิจัยชิ้นใหม่ของ Ericsson ConsumerLab ที่มีชื่อว่า “The Digital Lives of Generation Z” หรือ “วิถีชีวิตยุคดิจิตอลของเด็ก Generation Z” ได้เปิดเผยให้เห็นถึงผลกระทบของเทคโนโลยี ที่มีต่อชีวิตประจำวันของเด็กและเยาวชนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในเขตเมืองของประเทศอินเดีย โดยรายงานนี้แสดงให้เห็นว่า แม้ในกลุ่มเด็กที่มีอายุน้อยที่สุด (9-11 ปี) ก็พบว่ามีการใช้งานเทคโนโลยีชั้นสูง และมีลักษณะการใช้โทรศัพท์มือถือหรืออินเตอร์เน็ทที่ไม่แตกต่างจากกลุ่มเด็กที่มีอายุมากกว่า
มร. เฟรด์ดริคต์ เจนเดอลิงค์ หัวหน้าหน่วยงาน Ericsson ConsumerLab ประเทศอินเดีย กล่าวว่า “รายงานนี้ได้ทำให้เราเห็นเบื้องลึกของกลุ่มผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เด็กและเยาวชนเหล่านี้เองที่จะเป็นผู้นำในการใช้สื่อโมบายล์รูปแบบใหม่ในอุตสาหกรรมของเรา
ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีโมบายล์บรอดแบนด์ การบริหารจัดการเครือข่าย (managed services) และระบบช่วยการบริหารจัดการบริการ (OSS/BSS) เราได้ทำการศึกษาค้นคว้าอย่างจริงจังเพื่อให้เข้าใจแนวโน้มของผู้บริโภคยุคใหม่ อันจะเป็นประโยชน์มากต่อเราในการพัฒนาและคิดค้นโชลูชั่นที่สามารถจะช่วยผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานต่างๆในทุกๆกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”
จากการค้นคว้านี้พบว่า มีการใช้โทรศัพท์มือถือเพิ่มขึ้นในกลุ่มเด็กที่มีอายุน้อยลง โดยจากการสำรวจกลุ่มเด็ก Generation Z ในเมืองใหญ่ของประเทศอินเดีย พบว่ามีจำนวนเด็กที่ใช้โทรศัพท์มือถือ 30 ล้านคน จากทั้งหมด 69 ล้านคน หรือประมาณ 21 เปอร์เซ็นต์ในกลุ่มเด็กและเด็กก่อนวัยรุ่น และที่สำคัญยังมีการใช้งานอินเตอร์เน็ทและโทรศัพท์มือถือในลักษณะที่ไม่แตกต่างจากกลุ่มวัยรุ่นที่มีอายุมากกว่าอีกด้วย ในความเป็นจริงแล้วเด็กกลุ่มนี้ดูจะมีแนวโน้มมากกว่าเสียอีก ตัวอย่างเช่นจะใช้บริการดูวีดีโอผ่าน YouTube อย่างน้อยหนึ่งครั้งต่ออาทิตย์ และเมื่อเทียบกับกลุ่มวัยรุ่น พวกเขาใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมงต่อวันในการใช้บริการต่างๆบนมือถือ ทั้งดูทีวีและเล่นเกมส์ และประมาณ 58 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่ม Generation Z ก็พร้อมที่จะเลิกดูทีวีเพื่อที่จะสงวนค่าใช้จ่ายนั้นสำหรับการบราวส์อินเตอร์เน็ทบนมือถือ
โซเชียลมีเดียมีความสำคัญอย่างยิ่ง และจะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับชีวิตของเด็กยุค Generation Z โดยมีจำนวนกว่า 77 เปอร์เซ็นต์ที่แสดงไม่พอใจในคุณภาพการให้บริการต่างๆผ่านโซเชียลมีเดีย และคาดหวังว่าผู้ให้บริการจะดำเนินการแก้ไขปัญหา หรือมีการตอบกลับข้อข้องใจต่างๆ ในทันทีและต่อเนื่อง ผ่านช่องทางเดียวกัน
การยอมรับและการใช้งานเทคโนโลยีโมบายล์บรอดแบนด์ในเด็กกลุ่มนี้ มักมีแรงผลักดันมาจากครอบครัว พ่อแม่ที่ใช้โมบายล์บรอดแบนด์มักแนะนำให้ลูกใช้เทคโนโลยีในลักษณะเดียวกัน ในปัจจุบันมีผู้ใช้โมบายล์บรอดแบนด์จำนวน 3 ล้านคนในเขตเมืองของประเทศอินเดียที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี และ 35 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่มีโทรศัพท์ที่ใช้อินเตอร์เน็ทได้แต่ยังไม่เคยทดลองใช้ ก็วางแผนที่จะใช้โมบายล์บรอดแบนด์ในอีกไม่เกินสามเดือนข้างหน้า
เพียงหนึ่งในสามของพ่อแม่ในเขตเมืองที่สามารถสืบค้นได้ว่า ลูกของตนมีการใช้งานโทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ทในทางใด และคาดหวังว่าผู้ให้บริการจะมีบริการที่สามารถบริหารจัดการและดูแลการใช้โทรศัพท์มือถือและอินเตอร์เน็ทของเด็กเหล่านี้ได้ โดยที่
76 เปอร์เซ็นต์ของพ่อแม่ คาดหวังว่าผู้ให้บริการจะสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์และการส่งข้อความของเด็กได้
63 เปอร์เซ็นต์ของพ่อแม่ มีความสนใจในแอ็พพลิเคชั่นที่ช่วยปิดกั้น ไม่ให้เด็กสามารถเข้าถึงสื่อที่ไม่ต้องการได้
และที่น่าสนใจก็คือ 30 เปอร์เซ็นต์ของเด็กและเยาวชนในวัย 9-18 ปี ใช้แผ่นกรองแสงเพื่อไม่ให้ผู้อื่นเห็นหน้าจอโทรศัพท์ของตน
นาย บัญญัติ เกิดนิยม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและองค์กรสัมพันธ์ อีริคสันประเทศไทย ได้กล่าวเสริมว่า ผู้ให้บริการต่างๆควรให้ความสำคัญมากขึ้นต่อกลุ่ม Generation Z ที่จะกลายเป็นกลุ่มผู้ใช้บริการโซเชียลมีเดียและโมบายล์บรอดแบนด์มากขึ้นในอนาคต และมีแนวโน้มที่จะทำให้กลุ่ม Generation ต่างๆ เช่น X และ Y นั้นเปลี่ยนพฤติกรรมกรใช้งานโซเชียลมีเดียและโมบายล์บรอดแบนด์ตามอีกด้วย ที่สำคัญพวกเค้าต่างต้องการที่จะได้รับบริการที่มีคุณภาพตลอดเวลาและในขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะเปลียนผู้ให้บริการรายใหม่ทันที่ถ้าผู้ให้บริการรายเดิมไม่สามารถตอบสนองและแก้ไขปรับปรุงบริการต่างๆให้ดีขึ้น