กรุงเทพฯ--4 มี.ค.--IR PLUS
“สกุณา บ่ายเจริญ” แม่ทัพใหญ่ “HOTPOT” เผยปี 2556 มั่นใจรายได้ กำไรดีกว่าปี 2555 คาดการณ์รายได้โตกว่าปีก่อนร้อยละ 20-30 ชูกลยุทธ์ขยายสาขาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ด้านผลประกอบการปี 55 รายได้โตกว่าร้อยละ 29 กำไรลดเหตุรับกระทบจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำตามตามนโยบายของรัฐบาล
นางสาวสกุณา บ่ายเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮอท พอท จำกัด (มหาชน) (HOTPOT) ผู้นำธุรกิจร้านอาหารบุฟเฟต์ สุกี้ ชาบู สไตล์ญี่ปุ่น ภายใต้แบรนด์ ฮอท พอท อินเตอร์ บุฟเฟต์, ฮอทพอท บุฟเฟต์ แวลลู, ฮอท พอท ราเมน บุฟเฟต์, ฮอท พอท สุกี้ ชาบู, ฮอท พอท เพรสทีจ และไดโดมอน ซึ่งเป็นอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ในปี พ.ศ. 2556 บริษัทฯ ยังคงใช้กลยุทธ์ในการขยายสาขาใหม่เพิ่มเติม โดยคาดว่าในปีนี้จะเปิดสาขาใหม่ราว 20 - 24 สาขา รวมทั้งปรับโฉมไดโดมอนใหม่ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 มีสาขาอยู่ทั้งสิ้น 138 สาขา ซึ่งการขยายสาขาเป็นเรื่องสำคัญของธุรกิจร้านอาหารเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคและสร้างการเติบโตของรายได้ของ บริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้การขยายสาขาคาดว่าจะใช้เงินลงทุนต่อสาขาราว 6-8 ล้านบาท โดยยังคงสัดส่วนการขยายสาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดและยังคงแผนการเปิดสาขาภายในศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า โมเดิร์นเทรด ทำให้มั่นใจว่าผลประกอบการปี 2556 จะดีกว่า ปี 2555 ทั้งในแง่รายได้และกำไร โดยคาดว่ารายได้จะเติบโตร้อยละ 20-30 จากปีก่อน นอกจากนี้ HOTPOT ยังคงทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ โปรโมชั่นส่งเสริมการขาย การโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ ครบวงจร
“ปีนี้รายได้ กำไร เชื่อว่าดีกว่าปีก่อน ฝ่ายบริหารตั้งใจปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อนักลงทุนและผู้ถือหุ้น ซึ่งปีนี้เรายังคงเน้นการขยายสาขาและปรับปรุงสาขาเดิมทั้งแบรนด์ ฮอท พอท และไดโดมอน พร้อมวางแผนว่าจะเปิดสาขาใหม่เพิ่ม 20-30 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด และสิ้นปีบริษัทฯ คาดว่า จะมีสาขาใหม่เพิ่มเป็น 158-168 สาขาได้ รายได้เติบโตอย่างน้อย ๆ ประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน”นางสาวสกุณา กล่าว
ทั้งนี้ บริษัท ฮอท พอท จำกัด (มหาชน) หรือ (HOTPOT) ชี้แจงผลประกอบการงวดปี 2555 โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 433.32 ล้านบาท จากงวดปี 2554 ที่มีรายได้ 1,910.04 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.32 สาเหตุจากการขยายสาขา และการซื้อกิจการไดโดมอนเข้ามาบริหารตั้งแต่ในช่วงปลายปี 2554 โดยปี 2555 รับรู้รายได้เต็มปี ด้านอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายปี 2555 คิดเป็นร้อยละ 56.85 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 55.21 ทั้งนี้ มาจากการควบคุมต้นทุน และการบริหารจัดการการซื้อวัตถุดิบมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม
บริษัทฯ มีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการการปรับค่าแรงขั้นต่ำ การเพิ่มขึ้นของจำนวนพนักงาน การลงทุนทางด้านบุคลากร เพื่อรองรับแผนการขยายธุรกิจ, ค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มสูงขึ้นจากการขยายสาขา รวมทั้งวิธีการบันทึกบัญชีมีผลต่อค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วย ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรก่อนหักค่าเสื่อมราคา, ต้นทุนทางการเงิน และภาษี จำนวน 175.34 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 154.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.27 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ13.80 อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิหลังหักภาษีแล้วลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 13.83 ล้านบาท