กรุงเทพฯ--4 มี.ค.--ทรอปิคอล โฮสพิทอลิตี้ แมเนจเม้นท์
วิสุทธิ์ อรรจนาวัฒน์ โปรหนุ่มฝีมือดีของไทย หวังใช้ความได้เปรียบเล่นบนสนามในประเทศบ้านเกิดและความคุ้นเคยกับสนาม คว้าชัยชนะเหนือนักกอล์ฟจากทั่วโลกในการแข่งขันวันเอเชียทัวร์รายการ “ไทยแลนด์ โอเพ่น 2013” ชิงเงินรางวัลรวม 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 30 ล้านบาท ซึ่งจะทำการแข่งขัน ณ สนามธนาซิตี้กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ต คลับ ระหว่างวันที่ 14-17 มีนาคมนี้
ในการแข่งขัน ไทยแลนด์ โอเพ่น เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว วิสุทธิ์ ประชันฝีมือกับ คริส วูด โปรจากอังกฤษ แชมป์ปีนั้นอย่างสนุกตื่นเต้น ก่อนจบที่อันดับ 3 ร่วม พร้อมรับเงินรางวัล 53,646 เหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นอันดับที่ดีที่สุดในการเล่นวันเอเชียของเขา เจ้าตัวกล่าวถึงความคุ้นเคยกับสนามธนาซิตี้กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ต คลับ สังเวียนแข่งขันในปีนี้ว่าเขาได้มาเล่นกอล์ฟที่นี่นับร้อยครั้ง ช่วยให้เขามีความมั่นใจอย่างมากในการคว้าแชมป์
ทว่าการจะเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่มีชื่อจารึกอยู่บนถ้วยแชมป์ไทยแลนด์โอเพ่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะวิสุทธิ์ต้องฝ่าด่านมือพระกาฬอย่าง คริส วูด แชมป์เก่าชาวอังกฤษ ซึ่งมีดีกรีเป็นแชมป์เมเจอร์ 3 รายการนอกจากนี้ยังมี พาเดร็ก แฮร์ริงตัน ยอดฝีมือจากไอร์แลนด์, ถาวร วิรัตน์จันทร์ โปรรุ่นพี่เจ้าของตำแหน่งมือหนึ่งของเอเชีย และชินโกะ คาตายามา แชมป์เจแปนทัวร์หลายรายการจากญี่ปุ่น
วิสุทธิ์ เจ้าของแชมป์ทำเงินอาเซียนทัวร์ปี 2011 ไม่รู้สึกหวั่นที่จะต้องประชันฝีมือกับนักกอล์ฟชั้นนำในรายการเปิดฤดูกาลของวันเอเชียทัวร์ พร้อมเผยด้วยความยินดีว่า “ผมโชคดีที่ธนาซิตี้เป็นสนามแข่งขันในปีนี้ สนามแห่งนี้เปรียบเสมือนสนามหลังบ้านของผม นอกจากไม่ไกลจากบ้านแล้ว ผมก็ฝึกซ้อมที่นี่เป็นประจำตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 เรื่อยมา ผมซ้อมที่นี่เป็นร้อยๆ ครั้งจนรู้ทุกมุมของสนาม ทำให้ผมมีความมั่นใจที่จะลงแข่ง ไทยแลนด์ โอเพ่น คราวนี้ แต่ก็จะมีความกดดันที่จะต้องเล่นให้ดี ให้สมกับที่ผมคุ้นเคยกับสนาม” วิสุทธิ์กล่าวเพิ่มเติม
วิสุทธิ์ ให้ความเห็นเกี่ยวกับสนามแห่งนี้ว่า “ตอนแรกผมคิดว่าสนามแห่งนี้เหมาะสำหรับนักกอล์ฟตีไกลเพราะสนามเปิดโล่ง แต่ในเดือนที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ได้ปรับปรุงสนามให้เหมาะสมกับเป็นสนามแข่งขันมากขึ้น แฟร์เวย์แคบลง และเลี้ยงรัฟให้ยาวขึ้น ตำแหน่งการวางลูกสำคัญมาก หากคุณตีลูกไปอยู่ที่ตำแหน่งที่ถูกต้อง คุณก็จะขึ้นกรีนได้ง่าย กรีนที่นี่ก็ยากด้วย ถ้าคุณรู้จักสนามดีก็จะง่ายหน่อย แต่ถ้าไม่คุ้นก็จะมีปัญหาแน่นอน”
วิสุทธิ์ได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันของวันเอเชียทัวร์ในฐานะนักกอล์ฟอันดับหนึ่งในตารางเงินรางวัลสะสมของอาเซียนทัวร์ ปี 2011 จากการคว้าแชมป์ 2 รายการ เขายอมรับว่าการเป็นแชมป์รายการของวันเอเชียทัวร์เป็นเรื่องยากมาก และการได้ลงเล่นในวันเอเชียทัวร์ทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่ดีขึ้น
โปรวัย 31 ปี ซึ่งลงเล่นในวันเอเชียทัวร์ 8 รายการในปี 2012 กล่าวเพิ่มเติมว่า “เป็นเรื่องยากมากที่จะชนะรายการของวันเอเชีย สภาพอากาศแต่ละที่ต่างกันมากโดยเฉพาะที่เกาหลี ลมแรง อากาศหนาวเย็น ยิ่งช่วงที่วันเอเชียจัดแข่งที่ประเทศออสเตรเลียก็จะมีผู้เล่นระดับโลกเข้าร่วมแข่งขันมากมาย และสนามแข่งขันก็มีลมแรงทุกปี ผมพอใจที่ผมเลือกลงเล่นในวันเอเชียทัวร์ ผมได้เรียนรู้จากการที่ได้เล่นในสภาวะที่ยากลำบาก และเจอกับผู้เล่นที่แข็งแกร่ง”
“ผมต้องการทำให้ดีกว่าอันดับ 3 ของปีที่แล้ว และผมก็หวังที่จะเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ 3 ต่อจาก โปรสุเทพ มีสวัสดิ์ และโปรบุญชู เรืองกิจ อย่างไรก็ตามมันก็เป็นเรื่องยากเหมือนกันที่คนไทยจะชนะรายการนี้ เรามีความกดดันเพราะเราทุกคนต่างต้องการคว้าถ้วยพระราชทานจากในหลวง” วิสุทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย
ไทยแลนด์ โอเพ่น 2013 เป็นรายการเปิดฤดูกาลแข่งขันของวันเอเชียทัวร์ (One Asia) ในปีนี้ และจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ร่วมโคแซงชั่นกับเจแปนกอล์ฟทัวร์ออร์แกไนเซชั่น (JGTO) เพื่อพัฒนาให้เป็นรายการที่สำคัญของวันเอเชียทัวร์ต่อไป