กรุงเทพฯ--5 มี.ค.--ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด
- พร้อมสนับสนุนธุรกิจไทยด้วยจุดแกร่งธนาคารเพียงรายเดียวที่เปิดดำเนินการ ครบใน 10 ประเทศอาเซียน
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดซึ่งล่าสุดเปิดสำนักงานตัวแทนในกรุงย่างกุ้งเมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ชี้เมียนมาร์พร้อมเพื่อการบูรณะและพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาสาธารณูปโภค เปิดโอกาสทางธุรกิจมากมายระหว่างไทยและเมียนมาร์ สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดพร้อมรองรับความต้องการของเอกชนไทยในการขยายธุรกิจไปยังเมียนมาร์
นางลิน ค็อก กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ตั้งแต่ปี 2552 มูลค่าการค้าระหว่างไทยและเมียนมาร์มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีเท่ากับร้อยละ 16 และมีแนวโน้มสูงขึ้น นอกจากนี้ไทยยังมีการลงทุนโดยตรงในเมียนมาร์คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 23.3 มากเป็นที่ 2 รองจากจีนเท่านั้น ในปีที่ผ่านมาเมียนมาร์พยายามเปิดประเทศมากขึ้น และมีความต้องการพัฒนาประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและสาธารณูปโภค สิ่งนี้เองเป็นการเปิดโอกาสทางธุรกิจอื่นๆ ระหว่างไทยและเมียนมาร์มากขึ้นในอนาคต”
นางลินกล่าวต่อไปว่า “เมียนมาร์ส่งออกทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนกับประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ที่ต้องการนำเข้าสินค้าจำเป็นต่างๆ ตั้งแต่สินค้าอุปโภคบริโภค ไปจนถึงวัตถุดิบการผลิตและเครื่องจักรการผลิต ซึ่งรูปแบบการนำเข้าสินค้าเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเมียนมาร์กำลังพัฒนาประเทศเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายการผลิตและการกระจายสินค้าของอาเซียน และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดเชื่อว่าสถาบันทางการเงินจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนให้เมียนมาร์รวมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนนานาชาติอีกครั้งโดยทำหน้าที่ส่งเสริมในด้านการค้าและให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาภาคการเงินให้กลับมาคึกคักและเข้มแข็ง”
“การเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ช่วยขับเคลื่อนการค้าและความสำเร็จทางเศรษฐกิจทั่วทั้งภูมิภาค และเราเชื่อว่าการเปิดดำเนินกิจการในเมียนมาร์จะช่วยเปิดโอกาสทางธุรกิจให้แก่ลูกค้าสถาบันธนกิจของเรา และส่งผลให้เศรษฐกิจเมียนมาร์เติบโตอีกด้วย” นางลินกล่าวปิดท้าย
สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนับเป็นธนาคารที่สามารถให้บริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินทั้งในส่วนสถาบันธนกิจ และบุคคลธนกิจอย่างทั่วถึงทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และด้วยสาขาต่างๆ กว่า 1,700 แห่งใน70 ประเทศทั่วโลก สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดจึงมีความพร้อมให้บริการแก่ลูกค้าได้ด้วยความสะดวกและรวดเร็ว
ในปี 2555 ที่ผ่านมา มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของเมียนมาร์คิดเป็น 6 หมื่นล้านเหรียญฯ นับเป็นอันดับ 7 ในอาเซียน เมียนมาร์มีอัตราการเติบโตระหว่างปี 2545-2553 โดยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 4.2 สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เมียนมาร์จะเติบโตสูงกว่าในอดีตที่ผ่านมา และด้วยจำนวนประชากรมากถึง 60 ล้านคน (สูงเป็นอันดับ 5 ในอาเซียน) และมีแรงงานในวัยหนุ่มสาว (เฉลี่ยที่อายุ 30 ปี) ทำให้รัฐบาลเมียนมาร์ต้องการสนับสนุนให้มีการลงทุนและเกิดการสร้างงานในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเป็นหลัก รวมถึงการสร้างงานในภาคเกษตรซึ่งมีแรงงานในภาคนี้มากถึงร้อยละ 70
ด้านการค้ากับไทยนั้น นับว่าไทยเป็นคู่ค้าที่สำคัญของเมียนมาร์เนื่องจากไทยเป็นผู้นำเข้าอันดับ 1 โดยร้อยละ 93 ของการนำเข้าดังกล่าวเป็นน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ในขณะเดียวกันไทยก็ขายสินค้าแก่เมียนมาร์สูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจากจีน สินค้าที่ไทยส่งออกแก่เมียนมาร์มากสุดคือ ปิโตรเลียม (มูลค่าราว 4 หมื่น 6 พัน 5 ร้อยล้านเหรียญฯ) ส่วนสินค้าส่งออกอื่นๆ ได้แก่ อาหารเครื่องดื่ม เครื่องจักร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และยานพาหนะ
ในด้านการลงทุนในเมียนมาร์นั้น ไทยนับเป็นประเทศในอาเซียนที่มีการลงทุนโดยตรงในเมียนมาร์สูงสุด อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา จีนได้เร่งการลงทุนในเมียนมาร์ และในปี 2555 ที่ผ่านมา การลงทุนจากต่างประเทศในเมียนมาร์คิดเป็นมูลค่า 4 หมื่น 1 พันล้านเหรียญฯ โดยมีจีนลงทุนในเมียนมาร์มากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 34.5 ของการลงทุนต่างประเทศ ในขณะที่ไทยอยู่ในลำดับที่ 2 (ร้อยละ 23.3) ตามด้วยฮ่องกง (ร้อยละ 15.5) และเกาหลี (ร้อยละ 7.2) ในปี 2554 ชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวในเมียนมาร์ 69,266 คน ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวเมียนมาร์เดินทางมาไทยมากถึง 111,545 คน
สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดมีประวัติศาสตร์ในเมียนมาร์มาแล้วกว่า 150 ปี โดยเปิดทำการครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2405 ณ กรุงย่างกุ้ง ซึ่งต่อมาได้ถูกแปรสภาพเป็นธนาคารของรัฐในปี พ.ศ. 2506 อย่างไรก็ดี ธนาคารฯ ได้เปิดทำการสำนักงานตัวแทนอีกครั้ง ระหว่างปี พ.ศ. 2538 ถึง พ.ศ. 2547
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ :
พินทิพย์ เอี่ยมนิรัตน์ - แผนกองค์กรสัมพันธ์
โทร: 02 724 8022 แฟกซ์: 02 724 8019
Pintip.Iamnirath@sc.com