กรุงเทพฯ--5 มี.ค.--IR network
บอร์ด บมจ.น้ำตาลครบุรี (KBS) ไฟเขียวจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายปี 2555 อีกหุ้นละ 47 สตางค์ หลังปั๊มผลการดำเนินงานทั้งปียังแรงดีไม่มีตก โกยกำไร 725 ล้านบาท และเมื่อคิดรวมเป็นเงินปันผลทั้งปีได้รับรวม 0.67 บาทต่อหุ้น"ถกล ถวิลเติมทรัพย์" ลั่นจากนี้ไป KBS เดินหน้าเจาะตลาดต่างประเทศ หลังได้พันธมิตรระดับโลกอย่างกลุ่มมิตซุย เข้ามาร่วมถือหุ้นเบื้องต้น 9.1% และจะเพิ่มเป็น 16.7% ภายหลังแปลงสภาพวอร์แรนต์แล้ว นอกจากบริษัทจะได้เงินเพิ่มทุนเสริมความแข็งแกร่งก้อนแรก 515 ล้านบาท ยังจะได้รับความร่วมมือในหลายรูปแบบเพื่อสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจยิ่งกว่าเดิม
นายถกล ถวิลเติมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทน้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ KBS เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายสำหรับปี 2555 อีกหุ้นละ 0.47 บาท ซึ่งบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วเมื่อเดือนกันยายน 2555 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท รวมเป็นการจ่ายเงินปันผลทั้งปี 2555 ในอัตราหุ้นละ 0.67 บาท กำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อสิทธิ์ในการรับเงินปันผลวันที่ 8 มีนาคม 2556 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 พฤษภาคม 2556 หลังจากที่สามารถทำกำไรในปี 2555 ได้ที่ 725.6 ล้านบาท ลดลงจากปี 2554 ที่มีกำไรสุทธิ 800.50 ล้านบาท เล็กน้อย
นายถกล กล่าวด้วยว่า หลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้บริษัทร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในธุรกิจน้ำตาลกับกลุ่มมิตซุยจากประเทศญี่ปุ่น จะส่งผลให้ทางบริษัทมีความแข็งแกร่งมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มมิตซุยมีความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนด้านเงินทุนขยายกิจการ รวมถึงการสนับสนุนในด้านเทคนิค และอื่นๆ ดังนั้น การร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นผลดีที่จะช่วยสร้างประโยชน์ให้กับ KBS ในอนาคตได้ โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการตลาดในการจำหน่ายน้ำตาลคุณภาพสูงในตลาดต่างประเทศ เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้บริษัท
และภายลังจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นได้อนุมัติให้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับกลุ่มมิตซุย บริษัทได้ดำเนินการเพิ่มทุนจำนวน 100 ล้านหุ้น (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท) จัดสรรแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บริษัทในกลุ่มมิตซุย 2 บริษัท คือ บริษัท มิตซุย จำกัด และบริษัทมิตซุยชูการ์ จำกัด โดยจำนวน 50 ล้านหุ้นแรกจะจัดสรรให้กลุ่มมิตซุยทันทีในราคาหุ้นละ 10.25 บาทไปเรียบร้อยแล้ว และกลุ่มบริษัทมิตซุยจะได้รับจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) จำนวน 50 ล้านหน่วย เพื่อแปลงเป็นหุ้นสามัญใหม่อีก 50 ล้านหุ้นภายใน 2 ปี (1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่) ราคาของใบแสดงสิทธิเท่ากับ 0.05 บาทต่อหน่วย มีราคาใช้สิทธิเท่ากับ 12.70 บาทต่อหุ้น
โดยบริษัทได้รับเงินเพิ่มทุนก้อนแรกรวมมูลค่าของใบสำคัญแสดงสิทธิเป็นจำนวนเงินรวม 515 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้รองรับการขยายงาน การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยผลจากการเข้ามาถือหุ้นในครั้งนี้ กลุ่มมิตซุยจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นของ KBS ในสัดส่วน 9.1% และเมื่อกลุ่มมิตซุยแปลงสภาพวอร์แรนต์ทั้งหมด บริษัทจะได้รับเงินทุนเพิ่มเติมอีก 635 ล้านบาท และกลุ่มมิตซุยจะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 16.7%
นายถกลย้ำว่า “KBS มีความมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจเพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับนักลงทุนและผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ซึ่งประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลอันดับสองของโลก มีความได้เปรียบประเทศผู้ผลิตรายใหญ่อย่างบราซิลและออสเตรเลียในแง่ค่าขนส่ง เพราะประเทศไทยอยู่ในเอเชีย ซึ่งมีอัตราการเติบโตของการบริโภคน้ำตาลสูง ดังนั้นหลังจากเพิ่มทุนให้กับกลุ่มมิตซุยเข้ามาเป็นพันธมิตรแล้ว บริษัทจะเร่งดำเนินการประสานงานสำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ทันที เพื่อพัฒนาธุรกิจร่วมกันเพิ่มเสริมสร้างมูลค่าให้แก่บริษัทต่อไป”
สำหรับทิศทางของกำไรสำหรับปี 2556 คุณถกล กล่าวว่า “ยังไม่สามารถประมาณการได้ เพราะต้องดูปริมาณอ้อยที่เข้าหีบทั้งหมด ซึ่งจะรู้เมื่อปิดหีบในเดือนเมษายน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสภาวะอากาศไม่เอื้ออำนวย ทำให้ความหวานของอ้อยและปริมาณอ้อยลดลงจากปีก่อน นอกจากนั้นยังต้องดูราคาน้ำตาล ซึ่งเราขายป้องกันความเสี่ยงไปแล้ว 45% ตามสัดส่วนที่ อนท. ขาย”