กรุงเทพฯ--5 มี.ค.--บลจ.ทหารไทย
ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด (บลจ.ทหารไทย) เปิดเผยแผนกลยุทธ์การบริหารงานในรอบปี 2556 โดยกำหนดภาพรวมในการบริหารงานของบริษัทที่ให้ความสำคัญต่อผู้ถือหน่วยลงทุนเป็นอันดับแรก (Customer Centric) โดยมุ่งสร้างประสบการณ์ต่อแบรนด์ (Brand Experience) ที่พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้าเปรียบเสมือน “คู่ชีวิตการลงทุน”รวมถึงการขยายฐานผู้ลงทุนด้วยกลยุทธ์การตลาดยุคใหม่ที่ผสมผสานการให้ความรู้ทางการลงทุน และด้วยระบบธุรกรรมออนไลน์ 24 ชั่วโมง ของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
อนึ่ง ในรอบปี 2555 ที่ผ่านมา บลจ.ทหารไทย ประสบผลสำเร็จในการดำเนินงานทุกภาคส่วนและได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มสูงขึ้นกว่า 54,220 ล้านบาท (คิดเป็นอัตราเพิ่มร้อยละ 42.60%) หรืออยู่ที่ระดับ 181,471 ล้านบาท ณ สิ้นสุดปี ธันวาคม 2555 โดยบริษัทสามารถเติบโตสูงขึ้นมาอยู่อันดับที่ 5 ของอุตสาหกรรมสำหรับกลยุทธ์ในการบริหารงานในปี 2556 เพื่อให้บริษัทสามารถยืนหยัดในการเป็น “คู่ชีวิตการลงทุน : Life Partner” และมุ่งพาผู้ลงทุนให้ได้รับผลสำเร็จทางการลงทุนนั้น ประกอบด้วย
กลยุทธ์ด้านแรก : มุ่งสร้างประสบการณ์ต่อแบรนด์ (Brand Experience) และความผูกพัน (Engagement) ที่แนบแน่นกับลูกค้า โดยมุ่งสร้างประสบการณ์ของแบรนด์ที่มีคุณค่าเสมือน “คู่ชีวิตการลงทุน” เพื่อให้ลูกค้าเกิดความผูกพันและพึงพอใจรู้สึกอุ่นใจที่ไว้วางใจให้บริษัทเป็นผู้บริหารเงินลงทุน ในการดำเนินการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวประกอบด้วย
1) การเติมเต็มความรู้ความเข้าใจและข่าวสารด้านการลงทุนที่มีคุณค่า เพื่อช่วยให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการวางแผนการเงินการลงทุนส่วนบุคคลได้อย่างเป็นรูปธรรม ลงทุนได้เต็มศักยภาพของตนเองอย่างแท้จริง ภายใต้ความเสี่ยงที่รับได้
2) การสร้างช่องทางการลงทุนที่สามารถอำนวยความสะดวกได้ครบถ้วน และการให้บริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการแบบเบ็ดเสร็จในทุกจุดของการให้บริการ ได้แก่การให้บริการผ่านทางเจ้าหน้าที่การตลาดจากสำนักงานใหญ่ สาขาธนาคารทหารไทย หรือตัวแทนขายอื่นๆ รวมถึงการให้บริการผ่านทางระบบออนไลน์อินเตอร์เน็ต และศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ 1725
ในการดำเนินการดังกล่าว บลจ.ทหารไทย ได้มุ่งสร้างทีมบุคลากรเจ้าหน้าที่การตลาดที่มีคุณภาพพร้อมถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ไปยังลูกค้าหรือกลุ่มบุคคลที่สนใจ และได้ผสานแนวคิดดังกล่าวควบคู่ไปพร้อมกับธนาคารทหารไทยด้วย นอกจากนั้น สื่อการตลาดต่างๆ ที่ใช้ให้ข้อมูลกองทุน และแนวทางการลงทุนในลักษณะต่างๆ รวมทั้งโปรโมชั่นทางการตลาดได้ปรับให้ง่ายต่อความเข้าใจ (User Friendly) และได้เตรียมการพัฒนาเวปไซด์และระบบธุรกรรมการลงทุนออนไลน์ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้นำของอุตสาหกรรมอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะการสร้างให้มีความทันสมัย อำนวยความสะดวกสบายแก่ผู้ลงทุน ให้เข้าถึงได้ง่ายขณะที่ยังคงความปลอดภัยในระดับสูงสุด โดยมีแผนเปิดตัวเวปไซด์หน้าตาใหม่แก่ผู้ลงทุนในช่วงกลางปีนี้
กลยุทธ์ประการที่สอง : การพัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุนใหม่ๆ ที่แตกต่าง ควบคู่ไปกับการรักษาผลตอบแทนของกองทุนภายใต้การจัดการทั้งหมดให้อยู่ในระดับที่ดีมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยยึดมั่นต่อการเป็นผู้นำด้านการบริหารกองทุนเชิงรับ (Passive Investment) ที่มีนโยบายการลงทุนที่เข้าใจง่าย ชัดเจน และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุนภายใต้ค่าธรรมเนียมที่เป็นธรรมสมเหตุสมผล ในปีนี้ บริษัทฯได้มุ่งเติมเต็มผลิตภัณฑ์ประเภทกองทุนรวมดัชนีให้ครอบคลุมกับทุกความต้องการของผู้ลงทุน อาทิ ล่าสุดการออกกองทุนเปิดทหารไทย US500 Equity Index และกองทุนเปิดทหารไทย US500 เพื่อการเลี้ยงชีพ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อเติมเต็มความแข็งแกร่งดังกล่าวรวมทั้งกำลังพิจารณาความเหมาะสมในการออกกองทุนดัชนีรูปแบบอื่นๆ ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพื่อตอบสนองความต้องการอันเป็นปัจจุบันและในอนาคตของผู้ลงทุน
ดร.สมจินต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปัจจุบันถือได้ว่า บลจ.ทหารไทยมีผลิตภัณฑ์กองทุนรวมที่มีประสิทธิภาพ และครบถ้วนตามวัตถุประสงค์ทางการลงทุน โดยลงทุนในสินทรัพย์ทั้งพันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ ตราสารทุนกองทุนหุ้นต่างประเทศ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และรวมถึงกองทุนเพื่อวัตถุประสงค์ทางภาษีเป็นสำคัญ คือ LTF 2 กองทุน และ RMF 7 กองทุน นอกจากนี้ ยังมีกองทุนในลัษณะการจัดสรรสินทรัพย์เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การลงทุน (Purpose-Driven Investment) เช่น กองทุนเปิดทหารไทยจัดทัพลงทุนระยะสั้น ระยะปานกลาง และระยะยาว หรือกองทุนเพื่อสินทรัพย์ทางเลือกอื่น เช่น ทองคำ และน้ำมัน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม
บลจ.ทหารไทย คาดว่าจะสามารถออกกองทุนใหม่ๆเพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมให้แก่ผู้ลงทุน เช่นกองทุนตราสารหนี้เอกชนชั้นดีต่างประเทศ หรือกองทุนตราสารทุนรูปแบบใหม่ๆ ได้ภายในครึ่งปีแรกนี้เพิ่มเติมอีกด้วย”
กลยุทธ์ประการที่ 3 : มุ่งเน้นขยายฐานผู้ลงทุนผ่านทางความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับธนาคารทหารไทย พันธมิตรธุรกิจอื่น และการเพิ่มสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพโดยเฉพาะในรูปแบบ Employee Choiceการสานต่อแนวคิดกลยุทธ์การตลาดผสานความรู้ทางการลงทุน (Educational Marketing) ถือเป็นแนวทางหลักที่บริษัทฯยึดถือมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2556 นั้น การขยายฐานผู้ลงทุนใหม่จะมุ่งเน้นผ่านทางการทำงานร่วมกับธนาคารทหารไทยและพันธมิตรธุรกิจ ในการทำกิจกรรมการตลาด อาทิ แผนงานร่วมกับธนาคารทหารไทยในการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมการลงทุนอย่างต่อเนื่องตามหลักการถัวเฉลี่ยต้นทุน (Dollar Cost Averaging)
และการออกโปรโมชั่นตลอดปีสำหรับผู้ลงทุนที่เน้นลงทุนในกองทุนเพื่อประหยัดภาษี RMF & LTF เป็นต้น ซึ่งผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tmbam.com หรือโทร.1725 รวมทั้งตั้งเป้าให้มีการจัดสัมมนา Workshop และอบรม ให้แก่ผู้ลงทุน ให้มีความถี่มากขึ้นกว่ารอบปีที่ผ่านมา โดยจะเปิดให้องค์กรหรือบริษัทอื่นๆ ที่สนใจยกระดับความมั่งคั่งทางการเงินให้กับบุคลากรของตน ก็สามารถติดต่อเข้ามาเพื่อให้เราส่งเจ้าหน้าไปบรรยายให้ความรู้ได้
นอกจากนั้น ความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบเพื่อรองรับการทำธุรกรรมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพออนไลน์ผ่านทางอินเตอร์เนต 24 ชั่วโมงที่เรียกว่า “Fundlink M Choice online” บนเว็บไซต์ของ บลจ.ทหารไทย ที่ได้พัฒนาขึ้นอย่างสมบูรณ์เป็นรายแรกในอุตสาหกรรม จะเป็นธงนำในการขยายฐานสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพโดยเฉพาะในรูปแบบ Employee’s Choice และถือเป็นกลยุทธ์หลักในการชักจูงและสร้างทางเลือกที่หลากหลายให้กับบริษัทและองค์กรชั้นนำของประเทศ โดยเฉพาะบริษัทที่พนักงานมีความรู้ความสามารถและระดับการศึกษาสูง อาทิ สถาบันการเงิน, บริษัทหลักทรัพย์ (บล.), บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.), โรงพยาบาล, มหาวิทยาลัยและองค์กรชั้นนำอีกหลายแห่ง ให้เข้ามาร่วมใช้บริการ
“ปี 2556 นับเป็นปีแห่งการสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างความพึงพอใจและประสบการณ์ที่ดีต่อแบรนด์ โดยยึดผู้ลงทุนเป็นศูนย์กลาง สานต่อเจตนารมณ์ของการเป็น “คู่ชีวิตการลงทุน” ให้กับผู้ลงทุนของ บลจ.ทหารไทย ทุกท่าน การเสริมสร้างจุดแข็งที่มีอยู่เดิม มุ่งพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพระบบการทำธุรกรรม และเพิ่มการบริการในรูปแบบใหม่ๆเพื่อรองรับทั้งธุรกรรมกองทุนโดยปกติและธุรกรรมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมืออย่างแข็งขันกับธนาคารทหารไทยและพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อขยายฐานผู้ลงทุน เสริมสร้างการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืนในระยะยาว” ดร.สมจินต์กล่าวสรุป