กรุงเทพฯ--13 มี.ค.--สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)ประกาศผลการประเมินคุณภาพผลงานวิจัยเชิงวิชาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสถาบันอุดมศึกษาไทย ปี 2554มจธ.จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ ติดกลุ่มสถาบันที่มีจำนวนหน่วยงานได้รับการเมินในระดับดีเยี่ยมมากที่สุดในกลุ่มสาขาวิศวกรรมศาสตร์และกลุ่มสาขาเทคโนโลยี
ศ.ดร.ปรีดา วิบูลย์สวัสดิ์ ประธานคณะกรรมการกำกับทิศทางโครงการประเมินคุณภาพผลงานวิจัยเชิงวิชาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสถาบันอุดศึกษาในประเทศไทย เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมและประกาศผลการประเมินคุณภาพผลงานวิจัยเชิงวิชาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสถาบันอุดมศึกษาในประเทศในปี 2554 ณ โรงแรมเซ็นจูรี่พาร์ค โดยในปีนี้มีมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชนและมหาวิทยาลัยนานาชาติ เข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 34 แห่ง โดยข้อมูลที่ใช้ในการประเมินประกอบด้วย บทความวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับชาติและนานาชาติ หรือ Proceedings ของการประชุมวิจาการระดับชาติและนานาชาติที่ตีพิมพ์ในปี พ.ศ.2552-2553 และสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตรที่ได้รับการอนุมัติในปี พ.ศ.2553-2553 โดยมีการถ่วงน้ำหนักบทความที่ตีพิมพ์และประเภทสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตรด้วย โดยตัวชี้วัดในการประเมินมี 4 ตัวได้แก่ ตัวชี้วัดที่ 1Equivalent International Journal Publication/Faculty Member แสดงถึงความสามารถของอาจารย์ในการผลิตผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์เทียบเท่ากับวารสารวิชาการระดับนานาชาติ โดยวัดจำนวนบทความต่ออาจารย์ ท่าน ซึ่งบทความแต่ละประเภทจะให้น้ำหนักต่างกันตั้งแต่ 1 ลงมาถึง 0.125 โดยบทความที่มีผู้เขียนหลายคนจะให้ปริมาณงานเฉลี่ยตามจำนวนผู้เขียนด้วย ตัวชี้วัดที่ 2Journal Impact Factor/Faculty Member แสดงถึงความสามารถของอาจารย์ในการผลิตผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติที่มีคุณภาพในด้านการได้รับการอ้างอิง โดยวัดจากค่า Journal Impact Factor ต่ออาจารย์ 1 ท่าน ตัวชี้วัดที่ 3Equivalent International Journal Publication/Discipline แสดงถึงความสามารถของสาขาวิชาในการผลิตผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์เทียบเท่ากับวารสารวิชาการระดับนานาชาติ ตัวชี้วัดที่ 4Journal Impact Factor/Discipline แสดงถึงความสามารถของสาขาวิชาในการผลิตผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติที่มีคุณภาพในด้านการได้รับการอ้างอิง โดยวัดจากค่า Journal Impact Factor
โดยในปี 2554 นี้ กลุ่มสาขาวิศวกรรมศาสตร์และกลุ่มสาขาเทคโนโลยี คือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับการประเมินในระดับ 5 (ระดับดีเยี่ยม) มากที่สุดในแต่ละกลุ่มสาขา /กลุ่มสาขาแพทย์สาสตร์-ทันตแพทยศาสตร์และกลุ่มสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพได้แก่มหาวิทยาลัยมหิดล และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย /กลุ่มสาขาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและกลุ่มสาขาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการเกษตรและสัตวแพทย์ศาสตร์ได้แก่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วนสถาบันมีจำนวนหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการประเมินคุณภาพผลงานวิจัยเชิงวิชาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทยมากที่สุดในปี 2554 คือมหาวิทยาลัยมหิดล
รศ.ดร.บัณฑิต ฟุ้งธรรมสาร รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ที่Times Higher Education World Rankings เพิ่งจัดลำดับให้มจธ. เป็น 1 ใน 400 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกปี 2012-2013 และเป็นมหาวิทยาลัยไทยเพียงแห่งเดียวที่ติดอยู่ในกลุ่ม 351-400 กล่าวว่าผลจากการประเมินคุณภาพผลงานวิจัยของสถาบันอุดมศึกษาไทยในปี 2556 นี้เป็นผลมาจากนโยบายของมจธ.ในด้านการมุ่งสู่ความเป็นมหาวิทยาลัยวิจัย และเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยที่เน้นด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฉะนั้นการที่มจธ.มีคณะวิศวกรรมศาสตร์ และเทคโนโลยีซึ่งเป็นระดับบัณฑิตศึกษาโดยเฉพาะ จึงช่วยให้งานวิจัยของมจธ.มีความเข้มแข็งอีกทั้งการเน้นเรื่องคุณภาพงานวิจัยทำให้มีผู้นำความรู้จากงานวิจัยมาตีพิมพ์เผยแพร่เพื่อให้ผู้อื่นนำไปอ้างอิงไปใช้งานได้ต่อไปจำนวนมาก ซึ่งผลของการประเมินครั้งนี้แสดงให้เห็นว่างานวิจัยของมจธ.มีคุณภาพและปริมาณอยู่ในระดับที่ดี ทั้งๆ ที่มหาวิทยาลัยของเรามีอาจารย์จำนวนน้อย ทำให้เห็นว่านักวิจัยมีผลิตภาพต่อคนสูง ซึ่งนอกจะนำมาซึ่งชื่อเสียงด้านงานวิจัยของประเทศแล้วยังเป็นการยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่ามจธ.เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยแห่งชาติที่TimesHigher Education World Rankingsให้ลำดับแรงกิ้งกับมจธ.เป็นหนึ่งใน 400 ไม่ใช่เป็นเรื่องบังเอิญ ซึ่งมีความสอดคล้องกันกับการประเมินคุณภาพผลงานวิจัยของสถาบันอุดมศึกษาไทย โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)ครั้งนี้ อย่างไรก็ตามทิศทางข้างหน้าของมจธ.ยังต้องพัฒนาต่อไป เพราะในบางสาขายังสามารถพัฒนาเพิ่มระดับคุณภาพของงานวิจัยได้อีก โดยมหาวิทยาลัยจะให้การสนับสนุนส่งเสริมให้ทุกๆ สาขาในมหาวิทยาลัยค่อยๆ ไต่ระดับยิ่งๆ ขึ้นไป รวมทั้งนำผลงานวิจัยไปใช้ให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคม
ด้านศ.ดร.สวัสดิ์ ตันตระรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กล่าวว่า โครงการการประเมินคุณภาพผลงานวิจัยเชิงวิชาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับสาขาของสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทยเกิดขึ้นเพื่อสำรวจและประเมินคุณภาพงานวิจัยเชิงวิชาการของสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย ซึ่งข้อมูลที่ได้จะทำให้ทราบถึงระดับความเข้มแข็งและพัฒนาการของงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสาขาวิชาต่างๆ ในสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย และสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางการสนับสนุนการวิจัยในด้านที่เกี่ยวของของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย หรือสกว.ต่อไป