กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--ทีเอ็มบี
ทีเอ็มบีพร้อมหนุนผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออก ด้วยนวัตกรรมระบบ e-Guarantee และ e-Payment ช่วยลดเวลา ลดเอกสาร ทำการ 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ขานรับเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่อง มูลค่าการค้าระหว่างประเทศเติบโต 8.3%
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบี เผยว่า ด้วยเป้าหมายการเป็นธนาคารเพื่อการทำธุรกรรมที่ดีที่สุด (Transactional Banking) ที่ไม่จำกัดเพียงแค่ธุรกรรมการเงินในประเทศ ประกอบกับแนวโน้มการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้น ทีเอ็มบีได้พัฒนาระบบชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์และวางโครงสร้างระบบแลกเปลี่ยนข้อมูล ที่เชื่อมโยงกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของกรมศุลกากร ตามโครงข่าย National Single Window (NSW) เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมการชำระเงินที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ โดยการทำธุรกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ลดปริมาณงานเอกสาร ระยะเวลาการเดินทาง ทำให้มีความคล่องตัวและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการให้กับผู้ประกอบการมากยิ่งขึ้น ล่าสุดทีเอ็มบีได้ร่วมมือกับกรมศุลกากรและธนาคารพาณิชย์อีก 17 แห่ง ในการให้บริการวางค้ำประกันค่าภาษีอากรทางอิเล็กทรอนิกส์ และการรับชำระภาษีอากรนำเข้าส่งออกทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ SMART e-Guarantee และ e-Payment โดยสามารถให้บริการอย่างเต็มรูปแบบได้ทันที 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน
ซึ่งจากภาพรวมของเศรษฐกิจไทยมีตัวเลขการเติบโตที่สูงขึ้น โดยจีดีพีของประเทศในปี 2555 โตอยู่ที่ 6.4% นับว่าเป็นอัตราการเติบโตเป็นอันดับต้น ๆ ในอาเซียน ภาพรวมมูลค่าการค้าระหว่างประเทศทั้งส่งออกและนำเข้าโดยรวม เติบโต 8.3% เมื่อเทียบกับปี 2554 มองว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2556 น่าจะมีปัจจัยหนุนการเจริญเติบโตอยู่มาก โดยในครึ่งปีแรกจะถูกขับเคลื่อนด้วยการบริโภคในประเทศ ส่วนการส่งออกจะเข้ามามีบทบาทในครึ่งปีหลัง เมื่อเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณฟื้นตัว ช่วงเวลานี้จึงเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการที่จะวางรากฐานระบบเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อให้พร้อมกับปริมาณการค้าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยตลอดทั้งปี 2556 ทีเอ็มบีคาดว่าจะมีปริมาณการชำระภาษีอากรนำเข้าส่งออกทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบของธนาคาร รวมเป็นจำนวนเงินประมาณ 700 ล้านบาท