กรุงเทพฯ--18 มี.ค.--ส.อ.ท.
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดงานประชุมสามัญ ประจำปี 2556 เมื่อวันจันทร์ที่ 18 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา ณ ห้อง Plenary Hall 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีสมาชิกตบเท้าร่วมประชุมอย่างคับคั่ง ด้าน “พยุงศักดิ์” ชี้ ยังคงเดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมควบคู่กับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง พร้อมให้ความมั่นใจสมาชิก จะดำเนินงานเพื่อประโยชน์สูงสุดของสมาชิก ภาคอุตสาหกรรม สังคม และประเทศชาติ
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า นอกจากการประชุมสามัญ ประจำปี 2556 ในครั้งนี้ จะเป็นการรวมตัวสมาชิกของสภาอุตสาหกรรมฯ ที่มาจากทั่วประเทศ เพื่อร่วมประชุมรับฟังสรุปผลการดำเนินงานของสภาอุตสาหกรรมฯ ตลอดปี 2555 ที่ผ่านมาแล้ว ยังเปรียบเสมือนเป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมที่มาพบปะ และแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน พร้อมกันนั้น การประชุมในครั้งนี้ยังถือเป็นโอกาสอันดีที่ท่านนายกรัฐมนตรี (นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์) ให้เกียรติมากล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “งบ 2 ล้านล้านบาท ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ภาครัฐร่วมภาคเอกชนและภูมิภาค” ให้แก่สมาชิก ส.อ.ท. ได้รับฟังอีกด้วย
ทั้งนี้ การดำเนินงานของสภาอุตสาหกรรมฯ ในปี 2555 ที่ผ่านมา ถือได้ว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งด้านการพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการ การพัฒนาขีดความสามารถด้านแรงงาน การส่งเสริมด้านการค้าและการลงทุน การพัฒนาอุตสาหกรรมให้เกิดความเข้มแข็ง การผลักดันนโยบาย จัดกิจกรรมให้ความรู้ และแก้ไขปัญหาสมาชิก การสร้างสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และด้านความรับผิดชอบต่อสังคม เป็นต้น
“ในปี 2555 ที่ผ่านมา สภาอุตสาหกรรมฯ ได้ดำเนินการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมในหลายมิติ ทั้งด้านการเสนอแก้ไข และปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ โดยเสนอแก้ไข ปรับปรุงกฎหมายจำนวนกว่า 30 ฉบับ ต่อ กรอ. และหน่วยงานต่างๆ ซึ่งมีกฎหมายสำคัญเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ด้วย ในด้านแรงงาน ส.อ.ท. ได้เสนอทบทวนอัตราการจ่ายเงินสมทบของแรงงานต่างด้าวที่เข้าสู่ระบบประกันสังคม โดยกระทรวงแรงงานได้ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาข้อมูลฯ การขอผ่อนผันการจ้างแรงงานต่างด้าวภายหลังสิ้นสุดวันที่ 14 ธันวาคม 2555 โดย ครม.มีมติให้ขยายระยะเวลาออกไป 120 วัน มีการจัดตั้ง “คลินิกแรงงาน” ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแรงงานและตอบปัญหาผ่านระบบ Q&A สร้างเครือข่าย F.T.I.-Labour Law เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านกฎหมายแรงงาน ผลักดันการขับเคลื่อนมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติให้เป็นที่ยอมรับ และได้ริเริ่มการกำหนดแนวปฏิบัติในการรับนักศึกษาฝึกงาน/ทวิภาคี โดยมีสมาชิกสนใจรับนักศึกษาฝึกงาน/ทวิภาคี รวม 91 บริษัท รวมจำนวนนักศึกษาที่ต้องการ 5,163 คน ใน 19 สาขาวิชา เป็นต้น” นายพยุงศักดิ์ กล่าว
นายพยุงศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้นนั้น สภาอุตสาหกรรมฯ ได้จัดตั้ง 11 คลัสเตอร์ เพื่อดำเนินการตามยุทธศาสตร์เชิงรุก ส.อ.ท ซึ่งประกอบด้วย
Agro-Based: คลัสเตอร์อาหาร “Kitchen of the World”
คลัสเตอร์อุตสาหกรรมการเกษตร “Better Farming Solutions for Better Agro — Industry
คลัสเตอร์ยางและไม้ยางพารา “Rubber Tire, Wood and Furniture Homeland”
New Wave: คลัสเตอร์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม “ASEAN Renewable Hub”
คลัสเตอร์ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ “Hub of Health & Beauty”
Hi-Tech: คลัสเตอร์ยานยนต์ “Detroit of Asia”
คลัสเตอร์เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องปรับอากาศ คลัสเตอร์วัสดุก่อสร้าง “Better Living of Asia”
High-Value: คลัสเตอร์แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ “Innovation for Life Hub”
คลัสเตอร์การพิมพ์ และบรรจุภัณฑ์ “Regional Printing Hub”
Strategic Upstream Industry: คลัสเตอร์ปิโตรเคมี “Hi — Value Petrochemical & Knowledge Base”
ด้านการพัฒนาศักยภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิต ทางสถาบัน SMI ภายใต้สภาอุตสาหกรรมฯ ได้จัดทำระบบข้อมูล เพื่อเป็นฐานในการพัฒนาผู้ประกอบการ SMI เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ สร้างความพร้อมและโอกาสให้กับผู้ประกอบการสู่ตลาดต่างประเทศ โดยมีสถานประกอบการที่เข้าร่วมและเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของ SMI จำนวน 5,909 กิจการ ทั้งนี้ ในปี 2555 ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการผลิตที่เข้าร่วมการสำรวจผลการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันฯ ของสถาบัน SMI สามารถเพิ่มมูลค่ายอดขายได้ถึง 1,294 ล้านบาท และสามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้ถึง 237 ล้านบาท
ด้านส่งเสริมการค้าและการลงทุน ได้ผลักดันนโยบายและมาตรการส่งเสริมการลงทุนด้านต่างๆ ผ่านสิทธิประโยชน์ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ส่งเสริมการขยายฐานการค้าการลงทุนใน AEC ส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับประเทศต่างๆ ส่งเสริมการสร้างโอกาสทางธุรกิจในประเทศให้กับผู้ประกอบการ ผ่านกิจกรรมเจรจาธุรกิจกับ Modern Trade ชั้นนำของประเทศ สร้างเครือข่ายและพันธมิตรทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการผ่านกิจกรรม Training & Workshop, Seminar, Open House Network รวมถึงได้จัดตั้ง F.T.I. Business Academy ร่วมกับ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อีกด้วย
“ตลอดปี 2555 ที่ผ่านมา สภาอุตสาหกรรมฯ ภายใต้การนำคณะกรรมการบริหาร วาระปี 2555 — 2557 มีจำนวนสมาชิกสมัครใหม่เพิ่มขึ้นจากปี 2554 จำนวนถึง 114 % แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจที่ผู้ประกอบการมีต่อองค์กรสภาอุตสาหกรรมฯ และเพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพของสมาชิก และผู้ประกอบการ ภาคอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมฯ จึงเดินหน้าจัดกิจกรรม รวมถึงโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเสวนาต่างๆ อาทิ เรื่อง “เกาะติดเศรษฐกิจไทยครึ่งหลังปี 2555” “ทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2556... โอกาส ความท้าทาย และการปรับตัว” สัมมนา “สร้างคนในองค์กรแห่งความสุขก้าวสู่ยุค AEC ในปี 2015” เป็นต้น มีการจัดเยี่ยมชม และศึกษาดูงานทั้งในและต่างประเทศ ดำเนินโครงการคูปองนวัตกรรม (Innovation Coupon Project for SMEs) โครงการ Thailand Food Valley โครงการนำร่องผลิตไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยี Gasification แบบ Multi Feed—stock และโครงการวิจัยกลุ่มเรื่องปาล์มน้ำมัน ปีงบประมาณ 2556 รวมถึงมีการผลักดันสนับสนุนให้สภาอุตสาหกรรมภาค กลุ่มจังหวัด และจังหวัด นำเสนอปัญหาความต้องการผ่านเวที กรอ.ภูมิภาค นอกจากนี้ ยังได้ร่วมแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ ของสมาชิก สภาอุตสาหกรรมจังหวัด และสมาชิกส่วนกลางอีกด้วย” ประธานสภาอุตสาหกรรมฯ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาอุตสาหกรรมควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมยังคงเจตนารมย์ที่สภาอุตสาหกรรมฯ ยึดถือมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาสภาอุตสาหกรรมฯ มีการดำเนินงานพัฒนา Eco Industrial Complex ใน 5 พื้นที่ สนับสนุนการแก้ไขปัญหามาบตาพุด เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน เป็นที่ปรึกษาประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (ยาง,อาหาร,กระดาษ,กระเบื้อง) ดำเนินการออกแบบ/ปรับปรุงระบบบำบัดมลพิษ และบริการตรวจวิเคราะห์น้ำ อากาศ และกากอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ในส่วนของการรับผิดชอบต่อสังคม ส.อ.ท. ได้ร่วมออกร้านงานกาชาดประจำปี 2555 และนำเงินรายได้ทูลเกล้าฯ สมทบทุนบำรุงสภากาชาดไทย ดำเนินโครงการบ้านปลาเฉลิมพระเกียรติ ในจังหวัดปัตตานี จัดทำโครงการร้าน 0 บาท โครงการ 84 พรรษา 84 ล้านกิโลกรัมร่วมใจรีไซเคิลเพื่อพ่อ โครงการศูนย์วัสดุ รีไซเคิลของกลุ่มอาชีพซาเล้ง สร้างแหล่งเรียนรู้สังคมรีไซเคิล จัดทำโครงการหนังสือมือสองปันกันอ่าน เพื่อมอบให้กับมูลนิธิกระจกเงา รวมถึงดำเนินโครงการห้องสมุดสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่มีการดำเนินงานต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 4 แล้ว