กรุงเทพฯ--19 มี.ค.--วราธาน
ธนาคารกรุงไทยเผยทรัพย์ NPA ของแบงค์อยู่ในกระแสความสนใจของการลงทุน ย้ำหลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) อสังหาริมทรัพย์ในเขตเศรษฐกิจชายแดน และจังหวัดแนวการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมจะคึกคักเป็นพิเศษ แนะรีบตัดสินใจซื้อก่อนราคาขยับไปกว่านี้ ยืนยันขณะนี้ NPA ทุกประเภทยังถูกกว่าทรัพย์ใหม่
นายสุชาติ เดชอิทธิรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารกลุ่มทรัพย์สินพร้อมขาย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแนวทางในการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันนี้ว่า เป็นกระแสที่กำลังได้รับความสนใจอย่างสูงจากกลุ่มนักลงทุน โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มสินทรัพย์พร้อมขาย หรือ NPA จากสถาบันการเงินต่างๆ เนื่องจาก มีผลตอบแทนที่ดีและราคายังถูกกว่าอสังหาริมทรัพย์ใหม่เฉลี่ยไม่น้อยกว่า 10% นอกจากนี้แล้วทรัพย์ NPA ยังมีจุดเด่นที่ดึงดูดให้เกิดการซื้อและลงทุนหลายอย่างที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์สร้างมูลค่าเพิ่มได้ เช่น ในเรื่องของประเภทใช้สอยที่สามารถนำมาใช้งานได้ทันที ซึ่งมีให้เลือกทั้งสภาพใหม่พร้อมใช้งาน และทรัพย์ที่ต้องนำมาปรับปรุงใหม่ แต่ปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนและประชาชนทั่วไปให้ความสนใจเป็นพิเศษก็คือ เรื่องของทำเลที่ตั้ง เพราะทรัพย์ NPA ส่วนใหญ่อยู่ในเขตธุรกิจหรือชุมชนที่มีการพัฒนาแล้ว และตั้งอยู่ในเขตที่รอการพัฒนา รวมทั้งตั้งอยู่ใกล้กับโครงสร้างพื้นฐานที่ทำให้ทรัพย์สินเหล่านี้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้แล้ว ทรัพย์ NPA ยังมีความหลากหลายที่สามารถเลือกลงทุน และนำมาพัฒนาทางธุรกิจได้ เนื่องจาก มีทั้งที่ดินเปล่าและสิ่งปลูกสร้างทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน โรงแรม โกดังฯลฯ ที่นอกจากสามารถใช้ประโยชน์ทั้งการอยู่อาศัยและทำธุรกิจแล้ว ยังสามารถนำมาต่อยอดสร้างรายได้จากการลงทุนโดยนำไปให้เช่า เก็บไว้เป็นทรัพย์สินที่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น รวมทั้งสามารถลงทุนเพื่อนำมาพัฒนาทางธุรกิจที่สำคัญราคาขายยังแตกต่างจากทรัพย์ใหม่ โดยเฉพาะทรัพย์ที่มีการก่อสร้างใหม่ มีแนวโน้มว่าต้นทุนจะเพิ่มขึ้นทุก ปี NPA จึงมีราคาต่ำกว่าทรัพย์ใหม่อย่างชัดเจน และผู้สนใจยังสามารถเลือกทำเลได้ตามความต้องการ
นายสุชาติเปิดเผยเพิ่มเติมว่าประชาชนและนักลงทุนได้ให้ความสนใจซื้อทรัพย์ NPA เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ( 2553-2555 ) ธนาคารกรุงไทยสามารถขาย NPA ได้มูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 10,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมที่เฉลี่ยปีละ 5,000-6,000 ล้านบาท และในช่วง ต่อจากนี้ไปจะมีปัจจัยต่าง ๆ ที่เป็นตัวเร่งในการเปลี่ยนแปลงราคาของ NPA ให้เพิ่มขึ้นอีก ได้แก่ การประกาศใช้ผังเมืองใหม่ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และอาจส่งผลต่อราคาที่ดิน ทำให้ต้นทุนของอสังหาริมทรัพย์ใหม่มีราคาแพงและการพัฒนาจะห่างไกลออกจากเขตเมืองมากขึ้นปัจจัยดังกล่าวจะทำให้การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มือสองรวมทั้งทรัพย์ NPA ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น
“การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ทำให้ทรัพย์สินที่มีอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนเกิดกระแสการลงทุนเพิ่มขึ้น รวมทั้งการจะเกิดเครือข่ายการคมนาคมแนวเหนือ-ใต้ หรือ North-South Economic Corridor (NSEC) 2 เส้นทาง คือ โครงข่ายสิงคโปร์-คุณหมิง และโครงข่ายเวียงจันทร์-แหลมฉบัง แนวตะวันออก-ตะวันตก หรือ East-West Economic Corridor (EWEC) 3 เส้นทาง คือ โครงข่ายย่างกุ้ง-ดานัง โครงข่ายทวาย-วงเตา และโครงข่ายกรุงเทพ-พนมเปญ รวมทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูง 4 สาย ได้แก่ กรุงเทพ-เชียงใหม่ กรุงเทพ-ระยอง กรุงเทพ-หนองคาย และกรุงเทพ-หัวหิน ทำให้พื้นที่ในเขตจังหวัดใกล้เคียงไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย มุกดาหาร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สระแก้ว ระยอง ตราด กาญจนบุรี ตาก สงขลา มีความตื่นตัวด้านการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากบางจังหวัดที่มีกระแสการลงทุนเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว ในปี 2556 นี้ทางธนาคารจึงมีแผนที่จะบุกการขาย NPA ในส่วนภูมิภาคต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยมีการจัดทีมจากสำนักงานใหญ่ ลงพื้นที่ไปยังจังหวัดต่างๆ และทำงานร่วมกับสาขาของธนาคาร มีการนำเสนอและแนะนำการใช้ประโยชน์ทรัพย์ด้าน NPA โดยทางธนาคารไม่ได้มุ่งหวังด้านการขายเพียงอย่างเดียว แต่พร้อมที่จะเป็นผู้ให้คำปรึกษาแก่ผู้สนใจทั้งนักลงทุนรายใหญ่หรือรายย่อย” นายสุชาติกล่าวและเปิดเผย ถึงทรัพย์ NPA ของธนาคารกรุงไทยว่า ขณะนี้ธนาคารมีพร้อมขายประเภทต่าง ๆ ครอบคลุมทั่วประเทศจำนวน กว่า 5,000 รายการ มูลค่ากว่า 23,000 ล้านบาท จึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยและดำเนินธุรกิจรวมทั้งการซื้อเพื่อการลงทุน ทั้งนี้ ธนาคารมีการสนับสนุนสินเชื่อพร้อมทั้งเงื่อนไขพิเศษต่างๆ โดยผู้ที่สนใจสามารถเปรียบเทียบราคาและเงื่อนไขต่าง ๆ ก่อนการตัดสินใจซื้อ ทางระบบออนไลน์ www.ktb.co.th/npa หรือ Facebook : KTB NPA Clinic หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์หมายเลข 02-208-8333