ฟิทช์ประกาศอันดับเครดิตภายในประเทศของบริษัทฟินันซ่า จำกัด (มหาชน) ที่ BBB(tha)

ข่าวทั่วไป Monday December 20, 2004 13:23 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ธ.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ระยะยาวและระยะสั้นแก่บริษัท ฟินันซ่า จำกัด (มหาชน) (“FNS”) ที่ระดับ ‘BBB(tha)’ และ ‘F3(tha)’ ตามลำดับ แนวโน้มมีเสถียรภาพ อันดับเครดิตที่บริษัทได้รับสะท้อนถึงโครงสร้างของบริษัทที่เป็นบริษัท โฮลดิ้ง การกระจายความเสี่ยงของรายได้ ความสามารถในการทำกำไรที่ปรับตัวดีขึ้น และเงินกองทุนและสภาพคล่องที่เพียงพอของบริษัท อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงการที่โครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทไม่ได้ประกอบไปด้วยสถาบันการเงินที่แข็งแกร่ง ความเสี่ยงทางด้านเครดิตและความเสี่ยงทางด้านตลาด (market risk) ที่อาจเกิดขึ้นได้ และการพึ่งพารายได้ค่านายหน้าค้าหลักทรัพย์ และรายได้จากการลงทุนและการค้าหลักทรัพย์เพื่อบริษัทเอง (proprietary trading) ที่ค่อนข้างผันผวน รวมถึงแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของหนี้สินและเงินกู้ยืมเพื่อใช้ในการเพิ่มทุนในบริษัทเงินทุนซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท
FNS มีกำไรสุทธิในปี 2546 อยู่ที่ 578.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 227.4 ล้านบาทในปี 2545 เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลจากการลงทุนและรายได้จากการค้าหลักทรัพย์เพื่อบริษัทเอง รวมทั้งรายได้ค่านายหน้าค้าหลักทรัพย์และรายได้จากธุรกรรมวาณิชธนกิจที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ในปี 2546 รายได้จากการลงทุนและจากธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ คิดเป็น 33% และ 30% ของรายได้รวมของบริษัทตามลำดับ รายได้ของ FNS มีแนวโน้มค่อนข้างผันผวน เนื่องจากรายได้ค่านายหน้าค้าหลักทรัพย์และรายได้จากธุรกรรมวาณิชธนกิจนั้นขึ้นอยู่กับสภาวะและปริมาณการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีการเคลื่อนไหวอยู่เสมอ ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยอาจจะส่งผลกระทบต่อมูลค่าการลงทุนในตราสารหนี้ของบริษัท
ความเสี่ยงทางด้านเครดิตของ FNS ส่วนใหญ่จะมาจากธุรกิจเงินทุน และการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนของบริษัท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2547 หนี้เสียของ FNS อยู่ที่ระดับ 496.6 ล้านบาทหรือ 23.5% ของสินเชื่อและลูกหนี้การค้าทั้งหมด เพิ่มขึ้นจาก 277.2 ล้านบาทหรือ 12.1% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2547 เนื่องมาจากมาตรการในการใช้เกณฑ์การจัดชั้นหนี้ที่เข้มงวดมากขึ้นของธนาคารแห่งประเทศไทย ระดับสำรองหนี้สูญของบริษัทอยู่ในระดับต่ำที่ 125 ล้านบาทหรือเทียบเท่ากับ 25.2% ของหนี้เสีย สะท้อนถึงความเสี่ยงที่บริษัทอาจจะต้องกันสำรองหนี้สูญเพิ่มเติม สำหรับธุรกิจหลักทรัพย์ ความเสี่ยงทางด้านเครดิตจากการให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ เนื่องจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้าโดยส่วนใหญ่เป็นการซื้อขายผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งลูกค้าจะต้องวางเงินมัดจำล่วงหน้าเต็มจำนวน อย่างไรก็ตาม ฟิทช์เห็นว่าธุรกิจหลักทรัพย์ยังคงมีความเสี่ยงจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (underwriting risks) นอกจากความเสี่ยงด้านเครดิต บริษัทยังมีความเสี่ยงทางด้านตลาดค่อนข้างสูง เนื่องจากมีการพึ่งพารายได้จากการลงทุนและการค้าหลักทรัพย์เพื่อบริษัทเองในระดับสูง
ณ สิ้นปี 2546 FNS ประกาศแผนการควบรวมกิจการระหว่างบริษัทเงินทุน ฟินันซ่า (“FC”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท และ บริษัทเงินทุนกรุงเทพธนาทร รวมทั้งประกาศแผนการขอใบอนุญาตดำเนินธุรกิจธนาคาร (Universal Banking Licence) อีกด้วย หากแผนดังกล่าวได้รับอนุมัติ FNS จะต้องใช้เงินประมาณ 3.2 พันล้านบาทเพื่อลงทุนเพิ่มใน FC ซึ่งจะทำให้ FNS มีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทที่ควบรวมอยู่ที่ 77% FNS โดยแหล่งเงินทุนคาดว่าจะมาจากการออกตราสารหนี้และการเพิ่มทุนโดยการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่ผู้บริหารถืออยู่ ภายหลังการระดมทุน คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น และอัตราส่วนเงินลงทุนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น จะเพิ่มสูงขึ้น แต่อัตราส่วนเหล่านี้ยังคงมีแนวโน้มที่จะไม่เกิน 1.0 เท่า
ณ สิ้นเดือนกันยายน 2547 อัตราส่วนสินทรัพย์หมุนเวียนต่อหนี้สินหมุนเวียนของ FNS ที่ระดับ 1.3 เท่า สะท้อนถึงสภาพคล่องที่เพียงพอสำหรับชำระภาระผูกพันที่เป็นหนี้สินระยะสั้น อัตราส่วนส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์ของบริษัทที่ระดับ 30.4% อยู่ในระดับที่น่าพอเพียงสำหรับธุรกิจวาณิชธนาคาร อย่างไรก็ตาม การเติบโตของสินทรัพย์ในอนาคตอาจส่งผลให้อัตราส่วนส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์ลดลงได้ในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า นอกจากนั้น บริษัทอาจจะค่อนข้างอ่อนไหวต่อภาวะผันผวนของตลาดเนื่องจากขาดการสนันสนุนจากผู้ถือหุ้นที่เป็นสถาบันการเงินที่แข็งแกร่ง ฟิทช์ กล่าวเพิ่มเติมว่าในขณะนี้ บริษัท แนเชอรัล พาร์ค ซึ่งเป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ FNS มีฐานะทางการเงินที่ไม่แข็งแกร่งนัก
ติดต่อ
ชัยพัฒน์ ไพฑูรย์,Vincent Milton,กรุงเทพฯ
+662 655 4762/4759
David Marshall, ฮ่องกง
+852 2263 9963
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่า ‘AAA’ ในระดับการจัดอันดับเครดิตแบบสากล (International Ratings) อันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถเปรียบเทียบกับอันดับเครดิตแบบสากล เนื่องจากอันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ