กรุงเทพฯ--20 มี.ค.--MTS GOLD GROUP
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,604 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,603 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 29.27 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 22,250 บาท กับ 22,350บาท และกลับมาปิดที่ 22,200 บาท กับ 22,300 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 3,172คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 8,424 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 2% แบบ 10 บาท ลดลง 4% GFJ13 ปิด 22,470 บาท และ GFM13 ปิด 22,550 บาท GF10J13 ปิดที่ 22,460 บาท GF10M13 ปิดที่ 22,550 บาท
สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 6.7 ดอลลาร์/ออนซ์ ปิดที่ระดับ 1,611.3 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง 3.1 เซนต์ มาปิดที่ระดับ 28.84 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,222.16 ตัน (ซื้อเข้า 2.16 ) น้ำมัน NYMEX ปิดลดลง 1.58 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 92.16 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 3.76 จุด ปิดที่ 14,455.82 จุด
ข่าวที่สำคัญ
- ราคาทองคำเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในเดือน มี.ค. รอบ 3 สัปดาห์เนื่องจากความไม่แน่นอนในภาคธนาคารของไซปรัส ทำให้เกิดความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุด 1,615 เหรียญ โดยราคาทองคำช่วงเช้าทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์
- CIBC World Markets เผยว่า แม้ว่าราคาทองคำจะลดลงจากจุดสูงสุด ในช่วงที่เพิ่งมีการไม่อนุมัติร่างเก็บภาษี แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความมั่นคงทางการเงินในประเทศอื่นๆในยุโรป อาจเป็นแรงหนุนราคาทองคำ เนื่องจากหากผู้ฝากที่กังวลเงินฝาก จะเอาเงินมาลงทุนทองคำ
- นักวิเคราะห์จาก Kitcos ระบุว่า การที่ราคาทองคำสามารถยืนอยู่เหนือระดับ 1,600 เหรียญได้ ทำให้นักลงทุนกลับเข้าสู่ตลาดและเปิดสถานะ Long และการที่ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดก็เป็นส่วนสนับสนุนการเข้าซื้อทองคำมากขึ้น
- เมื่อคืนนี้ SPDR ได้ถือครองทองคำเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ. จากระดับ 1,219.454 สู่ระดับ 1,222.162 ตัน เพิ่มขึ้น 2.708 ตัน
- อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้มีข่าวว่า กองทุน Gold ETFs ของอินเดียขายทองคำออกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยได้ขายตามกองทุนของโซรอส และมูลค่าการขายออกราว 80 ล้านรูปี หรือ 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- นักกลยุทธ์ทองคำกล่าวว่า สำหรับในปีนี้ การขายทองคำของกองทุน ETFs ได้ลดความสำคัญของความต้องการทองคำแท่ง โดยเริ่มต้นสัปดาห์นี้ ปริมาณทองคำในกองทุน ETFs ได้ลดลงไปรายปี 141 เมตริกตัน ในขณะที่การขายเหรียญทองกษาปณ์ยังคงแข็งแกร่งถึง 265,000 ออนซ์ในปีนี้ เทียบกับไตรมาสแรกปีที่ผ่านมาที่ 210,500 ออนซ์
- หลังจากรัฐสภาไซปรัสลงมติไม่อนุมัติการเก็บภาษี ท่ามกลางความสงสัยว่าไซปรัสจะได้รับความช่วยเหลือต่อไปอย่างไร เพื่อป้องกันภาวะภาคธนาคารล้มละลาย ตอกย้ำให้มีการหันมาลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย
- ส่งผลให้ตลาดหุ้นร่วง และค่าเงินยูโรได้อ่อนค่าสู่ระดับต่ำสุดรอบ 3 เดือน แม้ว่างบดุลของไซปรัสมีน้อยกว่า 0.5% ของเศรษฐกิจยูโรโซน โดยความเสี่ยงจากภาษีธนาคาร ทำให้เกิดวิกฤตทางการเงิน ที่เริ่มในกรีซ ปี 2009
- รัฐมนตรีคลังลักเซมเบิร์กกล่าวว่า สิ่งนี้ไม่เป็นผลดีต่อทั้งไซปรัสและยูโรโซน จึงต้องร่วมกันมองหาทางเลือกอื่นเพื่อการขอความช่วยเหลือต่อไป ทั้งนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการประชุมรัฐมนตรีคลังอีกครั้ง เพื่อหารือถึง “ก้าวต่อไป” สำหรับรัฐบาลไซปรัส
- อย่างไรก็ตาม อีซีบีได้กล่าวว่าจะจัดเตรียมสภาพคล่องที่จำเป็นแก่ไซปรัส ภายในกฎที่มีอยู่ ทำให้ค่าเงินยูโรแข็งค่าเหนือ 1.29 ดอลลาร์ต่อยูโร แต่ก็ได้อ่อนค่าต่ำกว่าระดับดังกล่าวหลังจากนั้นไม่นาน โดยคำว่า "กฎต่างๆ ที่มีอยู่" นั้นยังคงไม่ชัดเจน แต่อาจหมายถึง แผนการจัดหาสภาพคล่องช่วยเหลือเร่งด่วนของอีซีบี
- อียูยังไม่ได้ตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับไซปรัส แต่จะหารือการควบคุมเงินทุน และยืดวันปิดทำการของธนาคารในไซปรัสไปจนถึงปลายสัปดาห์นี้
- การรายงานข่าวเกี่ยวกับการยื่นขอลาออกของรัฐมนตรีคลังไซปรัสนั้น ภายหลังมีการรายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ไม่เป็นความจริง
- เจพีมอร์แกน กล่าวว่า ไซปรัสยังมีโอกาสที่จะผิดนัดชำระหนี้ และตลาดยังคงประเมินความเสี่ยงต่ำไป
ตลาดยังคงรอข่าวการตัดสินใจทางนโยบายจากเฟด โดยจะมีการแถลงข่าวของนายเบน เบอร์นันเก้ในคืนนี้เวลา 01.30 น. ซึ่งหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าเฟดยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม และจะคงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการซื้อสินทรัพย์มูลค่า 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อไป
- HSBC กล่าวว่า จากที่สมาชิกเฟดส่วนใหญ่ได้ยึดมั่นที่จะคงมาตรการกระตุ้น คาดว่าเฟดจะย้ำอีกครั้งถึงความยึดมั่นในมาตรการ QE และไม่สื่อไปในทางเปลี่ยนแปลงนโยบายในระยะสั้น แต่เฟดอาจจะตัดสินใจอัพเดทกลยุทธ์สำหรับการถอน QE ในการประชุมสัปดาห์นี้
- อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐต่างๆ ที่ออกมาดูดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เกิดความกังวลว่าเฟดอาจเริ่มที่จะชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงินได้ หากนายเบอร์นันเก้ได้สื่อถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบาย อาจจะส่งผลต่อราคาได้
- เบอร์นันเก้ กำลังคุมเข้มการสื่อสารในเฟดเพื่อทำให้นักลงทุนมั่นใจว่าจะได้ยินการแสดงความเห็นสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจของเขา มากกว่าเสียงที่พูดผสมมาเกี่ยวกับมุมมองที่ไม่สนับสนุนจากประธานเฟดหลายราย
- สัดส่วนหนี้เสียของธนาคารสเปนกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงเดือนแรกของปีนี้ นับเป็นสัญญาณว่าคุณภาพสินทรัพย์ของสเปนยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน
- ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในเดือนมี.ค. 2556 เพิ่มขึ้นโดยไม่คาดหมายสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2553
- สำนักเศรษฐกิจด้านทรัพยากรออสเตรเลียรายงานว่า ทองคำน่าจะลดลง 1.8% ในปีนี้ จากความต้องการ ความไม่มั่นคงในตลาดเงิน และการใช้ที่ลดลง โดยราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1,638 เหรียญในปีนี้ ลดจากปีที่แล้ว 1,668 เหรียญ และลดจากที่คาดไว้ใน ธ.ค. 1,738 เหรียญ
ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อวาน
- Building Permits ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.90M ออกมาที่ระดับ 0.95M
- Housing Starts ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.91M ออกมาที่ระดับ 0.92M
ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้
- Crude Oil Inventories ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 2.6M คาดการณ์ออกมาที่ระดับ 1.8M
- Federal Funds Rate ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.25% คาดการณ์ออกมาที่ระดับ 0.25%วิเคราะห์ทางเทคนิค
Gold — ราคาทองคำทรงตัวเหนือระดับ 1,600 เหรียญได้เป็นวันที่สองโดยตัวเลขเศรษฐกิจอเมริกา เรื่องการสร้างบ้านใหม่ดีขึ้นเล็กน้อย โดยเมื่อวานเป็นวันแรกที่ SPDR เริ่มเข้าซื้อทองคำเข้า 2.16 ตัน คงทองที่ระดับ 1,222.16 ตัน ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจในวันนี้ไม่มีอะไรที่สำคัญต่อราคาทองคำ โดยตลาดยังคงรอการแถลงการณ์ของประธานเฟด
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค - ราคาทองคำในระยะกราฟรายชั่วโมงเริ่มเป็นทิศทางขาขึ้น ขณะนี้ราคาทองคำเริ่มยืนเหนือระดับ 1,610 เหรียญได้ อย่างไรก็ดีกราฟรายวันยังเป็นแนวโน้มขาลง โดยมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,618 เหรียญ เนื่องจากเป็นจุดที่ราคาทองคำขึ้นไปทดสอบแล้วถึง 2 ครั้ง แล้วไม่สามารถฝ่าไปได้ แนวรับสำคัญอยู่ที่ระดับ 1,600 เหรียญ
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
คาดว่าจะเคลื่อนตัวในทิศทาง Sideway up ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ราคาทองคำในรูปเงินบาทอาจปรับตัวลดลง โดยที่ค่าเงินบาทเองปรับตัวลดลงจาก 29.35 บาท/ดอลลาร์ เช้านี้เหลือประมาณ 29.18 บาท/ดอลลาร์ ฉะนั้นยังแนะนำให้ขายก่อนบริเวณแนวต้านที่ระดับ 1,618 เหรียญ แล้วค่อยซื้อกลับเพื่อทำกำไร
- นักลงทุนถือ Long Position
ขายปิดสถานะถ้ามีกำไรเนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาทอย่างรวดเร็ว
- นักลงทุนที่ถือ
Short Position ซื้อปิดทำกำไรโดยเป็นการเล่นสั้น 1-2 วัน
Gold Futures J13 จะมีแนวรับที่ระดับ 22,370 บาท และแนวต้านที่ระดับ 22,550 บาท
Gold Futures M13 จะมีแนวรับที่ระดับ 22,450 บาท และแนวต้านที่ระดับ 22,630 บาท
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง
Contact: +662-222-6222 ext. 103
MTS GOLD GROUP
40, 42, 44 Sapsin Road, Wangburapapirom, Pranakorn, Bangkok 10200