สมาพันธ์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภคแห่งประเทศไทย แถลงการณ์คัดค้านข้อเรียกร้องของกลุ่มเครือข่าย “สหพันธ์องค์กรผู้บริโภค”

ข่าวทั่วไป Wednesday March 20, 2013 13:55 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 มี.ค.--สมาพันธ์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภคแห่งประเทศไทย สมาพันธ์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภคแห่งประเทศไทย แถลงการณ์คัดค้านข้อเรียกร้องของกลุ่มเครือข่าย “สหพันธ์องค์กรผู้บริโภค” เรื่องบัตรเติมเงินพรีเพด พร้อมสนับสนุนให้ กทค. เดินหน้าในการกำหนดเงื่อนไขกำกับวันหมดอายุบัตรเติมเงินพรีเพด วันที่ 19 มีนาคม 2556 สมาพันธ์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภคแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย ตัวแทนของเครือข่ายภาคประชาชนหลายสาขาอาชีพ รวมทั้งผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส จำนวนกว่า 100 คน ได้เดินทางมาที่สำนักงาน กสทช. เพื่อขอพบ กรรมการ กทค. เลขาธิการ กสทช. ตลอดจนผู้บริหารของสำนักงาน กสทช. เพื่อแสดงจุดยืนของสมาพันธ์ฯ เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องบัตรเติมเงินพรีเพดของ กทค. โดยได้ให้กำลังใจการดำเนินงานของกทค. ในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ โดยนายโอภาส เจริญพจน์ ประธานสมาพันธ์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภคแห่งประเทศไทย ได้อ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้ กทค.ให้ความสำคัญกับผู้บริโภคทุกกลุ่มองค์กรทั่วประเทศ ที่มีความหลากหลาย และขอสนับสนุนการดำเนินงานของ กทค. ในการคุ้มครองผู้บริโภค ในกิจการโทรคมนาคม พร้อมขอให้ กทค. ยืนยันตามมติของ กทค. เรื่องการกำหนดเงื่อนไขกำกับวันหมดอายุของบัตรเติมเงิน เพราะทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์และสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องบัตรเติมเงินได้ ขณะเดียวกันก็แสดงความไม่เห็นด้วย และขอคัดค้านข้อเรียกร้องของกลุ่มเครือข่ายที่ใช้ชื่อว่า “สหพันธ์องค์กรผู้บริโภค” ที่ยื่นเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2556 เนื่องจากเป็นเพียงข้อเรียกร้องของคนเพียงกลุ่มเดียว ซึ่งมิใช่เป็นความเห็นของผู้บริโภคส่วนใหญ่ ในการนี้ พ.อ.ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ประธาน กทค. และ ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ กทค. พร้อมด้วยนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ และคณะผู้บริหารของ สำนักงาน กสทช. ได้รับฟังข้อเสนอแนะจากตัวแทนของสมาพันธ์ฯ พร้อมได้กล่าวยืนยันว่าจะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา และจะให้ความสำคัญต่อผู้บริโภคทุกกลุ่มโดยไม่เลือกปฏิบัติโดยจะก้าวต่อไปอย่างไม่ท้อถอยและจะทำให้ปีนี้เป็นปีทองแห่งการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างแท้จริง “ปัญหาบัตรเติมเงินพรีเพดไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะเป็นเรื่องที่คาราคาซังมาตั้งแต่ก่อนที่ กสทช. ชุดนี้จะเข้ารับตำแหน่ง โดยวิธีการดำเนินงานที่ผ่านมายังไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคเป็นอย่างมาก จึงทำให้ กทค. ต้องหามาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งเงื่อนไขใหม่ที่ใช้กำกับผู้ประกอบการทั้งสามรายนั้น กทค. ได้พิจารณาจากข้อมูลตลอดจนรับฟังความคิดเห็นต่างๆ อย่างละเอียดรอบคอบ จึงมั่นใจว่าจะทำให้ผู้บริโภคโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยได้รับประโยชน์มากที่สุด การที่สมาพันธ์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภคแห่งประเทศไทยมาให้กำลังใจและแสดงจุดยืนในวันนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าเครือข่ายผู้บริโภคมีความหลากหลาย และมีความแตกต่างกันในแนวความคิด ซึ่ง กทค. จะให้ความสำคัญและจะเน้นการเพิ่มการมีส่วนร่วมจากกลุ่มผู้บริโภคต่างๆ ให้หลากหลายมากขึ้น ทั้งจะดูแลให้ผู้บริโภคได้รับสิทธิที่พึงจะได้รับอย่างเต็มที่” พ.อ.ดร. เศรษฐพงค์ กล่าวย้ำในตอนท้าย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ