บทความพิเศษ: กูรูตลาด นีช ตัวจริง !

ข่าวทั่วไป Thursday March 21, 2013 11:22 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 มี.ค.--กุศมัย กรุ๊ป บทความพิเศษ กูรูตลาด นีช ตัวจริง ! AEC ในทัศนะ ดร.วิโรจน์ (วิลเลี่ยม วู) กูรูตลาด นีช จริงๆแล้ว AEC เปิดกันมานานแล้ว และค่อยๆซึมเข้ามาในสังคมไทย เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลาง หรือ ฮับ ของ AEC ซึ่งแน่นอนเป็นทำเลชิ้นปลามันที่ใครๆก็ต้องสนใจจะเข้ามาทำธุรกิจ หรือ ลงทุน AEC ในทัศนะ ดร.วิโรจน์ กุศลมโนมัย (วิลเลี่ยม วู) กูรูตลาดนีช ให้ความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า จากการสังเกตตลาดหุ้น หรือ BOI และ ค่าเงินบาท ที่แข็งขึ้น ก็น่าจะรู้ว่า มีเงินลงทุนไหลเข้าไทยอย่างมาก อีกทั้งยังมีเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่ทำให้ไทย เป็นประเทศเนื้อหอมในปัจจุบัน และอนาคตอีก 20 ปี นั่นก็คือ กรณี ญีปุ่น กับ จีน มีปัญหากันเรื่องเกาะเตียวหยู ทำให้ญีปุ่นต้องคิดทบทวนหาประเทศใหม่ในการลงทุน ประเทศที่มีโอกาสมากที่สุด คือ เมียนม่าร์ แต่ทว่าการเมืองโดยรวมยังไม่นิ่ง ซึ่งการลงทุนที่ปลอดภัยที่สุด ก็คือ ลงทุนผ่านประเทศไทยเป็นสำนักงานใหญ่ และใช้ไทยเป็นฮับ แล้วทำการตลาด การบริหาร การเงินให้เมียนม่าร์ หากมีเหตุการณ์ทางการเมืองที่คาดไม่ถึงก็ยังถอนตัวทัน อีกทั้ง โอบามา ก็ยังให้ความสำคัญกับประเทศไทยเป็นอันดับต้นๆ เพื่อเป็นศูนย์กลาง หรือ จุดยุทธศาสตร์ในการเจาะตลาด และ การลงทุนในเมียนม่าร์..... AEC เกิดขึ้นมานานแล้ว… ยกตัวอย่าง เรื่องแรงงาน ปัจจุบันจะเห็นแรงงานพม่าเต็มไปทุกพื้นที่ใน กรุงเทพฯ และ ต่างจังหวัด ไม่ว่าจะเป็น คนงาน เด็กเสิร์ฟ แม่บ้าน เป็นต้น ถ้าเดินไปตามห้างฯก็จะเห็นฝรั่ง มาเลย์ สิงคโปร์ อินโด ฟิลิปปินส์ และ จีน เพิ่มขึ้น โรงเรียนนานาชาติต่างๆ หรือ Course Inter ในมหาวิทยาลัยดังๆก็มี ครู อาจารย์ต่างชาติมาสอนอยู่มากมาย อนาคตอีก 2 ปี หลัง 2558 AEC เปิดเต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการ ก็อาจมีอาชีพอื่นเพิ่มเช่น หมอ พยาบาล วิศวกร หรือ นักบริหาร จากต่างชาติ เช่น สิงคโปร์ เข้ามาในภาคธุรกิจโรงแรม ธนาคาร ในองค์กรใหญ่ๆอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องท่องเที่ยว ไม่ต้องห่วง ต้องบูมแน่ๆ นอกจากนักท่องเที่ยวจากจีนเป็นตัวหลักแล้ว ภายใน อาเซียนก็จะเพิ่มขึ้นอีกมาก เนื่องจากมีการร่วมมือร่วมไม้กับธุรกิจใน อาเซียนมากขึ้น เช่นจัด PACKAGE TOUR 3-4 ประเทศร่วมกัน มีการ CROSS ธุรกิจ ท่องเที่ยว โรงแรม สปา ร้านอาหารบวกเข้าเป็นเครือเดียวกัน เป็นต้น ในเรื่องการค้าระหว่างประเทศเช่น นำเข้า-ส่งออก ก็ต้องมีผลกระทบกับ SME อย่างมาก คือ นำเข้าไม่มีภาษีนำเข้าแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็น 0% ยกเว้นสินค้าที่มีความอ่อนไหวบางประเภท และ สินค้าที่มีการปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ หรือ นักลงทุนของ BOI อย่างเช่น รถยนต์ มอเตอร์ไซด์ ยังมีกำแพงภาษีสูงอยู่ แต่ก็มีทางออก โดยอาศัยสิทธิพิเศษภาษีศุลกากรตัวอื่นๆ อย่างเช่น FTA เป็นต้น เรื่องโลจิสติกซ์ ทางบก, ทางน้ำ , ทางอากาศ จะมีการพัฒนาและการลงทุนขนานใหญ่จากการขนถ่ายสินค้า - ขนถ่ายคนจากข้อตกลงของ 2 ประเทศ จะขยายเป็นการเชื่อมโยง 10 ประเทศเข้าด้วยกัน สินค้าที่น่าเป็นห่วงคือ เครื่องครัวแสตนเลส ทางมาเลเซีย ทำได้ดีมาก และ ถูกมากเนื่องจากเขามีข้อได้เปรียบในแง่วัตถุดิบ แสตนเลสที่ผลิตขึ้นเองในประเทศ ไม่ต้องนำเข้า และ กาแฟซองสำเร็จรูป 3 in 1 ในมาเลเซีย ขายถูกมาก และ มีโรงงงานเป็น พันๆโรง ท่านใดที่ทำธุรกิจ 2 ประเภท ต้องวางแผนหนีคู่แข่ง และ พัฒนาผลิตภัณฑ์ ออกแบบเป็นของตนเอง พร้อมทั้งสร้างแบรนด์ และ ตลาดนีชขึ้นใหม่โดยเร็ว หรือ ร่วมกับพันธมิตร เปิดร้านค้า เป็นของตนเอง แทนที่จะขายให้ห้างฯ เพราะถ้าคู่แข่งเข้ามา เสนอให้ห้างฯ ในราคาถูกกว่า ดีกว่า เราอาจถูกเขี่ยออกก็ได้ ฉะนั้น ชั่วโมงนี้อย่ายืมจมูกคนอื่นหายใจ ต้องหายใจด้วยจมูกตนเอง สร้างร้านค้าทันสมัย ปรับปรุงสินค้า ลงทุนระบบอินเตอร์เน็ต ให้เป็นหลายๆภาษา ทั้ง B2B และ B2C ลงทุนกับ SEO SEARCH ENGINE และ SOCIAL MEDIA มากๆ เน้นส่งออก หรือ การค้าระหว่างประเทศมากขึ้น ทำ CUSTOMIZED PRODUCTS เพิ่มขึ้น เป็นต้น เจ้าของกิจการท่านใดสนใจต้องการปรึกษาธุรกิจ สามารถติดต่อ ดร.วิโรจน์ กุศลโนมัย ได้ โดยตรงที่ โทรศัพท์ 085-48885-427 หรือ E-mail: info@kusamai.com http://www.kusamai.com สอบถามข้อมูลข่าวประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท กุศมัย กรุ๊ป จำกัด โทรศัพท์ 02 416 5700

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ