กรุงเทพฯ--21 มี.ค.--เดอะ 64 พีอาร์ พลัสส์
ผู้บริหารร้านเพชรออนไลน์ กริซ จิวเวอร์รี่ www.glitzdiamond.com เผยเคล็ดลับประสบความสำเร็จในยุคอี-คอมเมิร์ซบูม เชื่อโซเชียลมีเดียเป็นแรงดันหนุนแบรนด์กริซ จิวเวอร์รี่เป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้าทั้งไทยและเทศ มั่นใจทิศทางอี-คอมเมิร์ซไทยปีนี้ยังเติบโต พร้อมตั้งเป้ายอดขาย 100% สิ้นปีนี้
นางสาวอรทัย มาฬมงคล ผู้บริหาร บริษัท กริซ จิวเวอร์รี่ ไทย จำกัด และร้านเพชรออนไลน์ www.glitzdiamond.com เปิดเผยว่า “ภายหลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัย La Trobe ประเทศออสเตรเลียก็ได้มีโอกาสเริ่มทำธุรกิจด้านการจำหน่ายเครื่องประดับเพชรให้กับลูกค้าต่างประเทศโดยผ่านทางอีเบย์มาตั้งแต่ปี 2546 และด้วยประสบการณ์ในการจำหน่ายเครื่องประดับเพชรผ่านทางออนไลน์มานานอาจจะเรียกได้ว่าเป็นรายแรกๆ ในไทยเลยก็ว่าได้ เมื่อปี 2553 เราพบว่าตลาดผู้บริโภคในไทยเริ่มให้ความสำคัญกับการซื้อเครื่องประดับเพชรและสินค้าต่างๆ ผ่านทางออนไลน์มากขึ้น และมีเว็บไซต์ที่ดำเนินธุรกิจอี-คอมเมิร์ซมากมายที่ประสบความสำเร็จ เราจึงคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะเปิดธุรกิจร้านขายเพชรออนไลน์ขึ้นมาและทำให้กริซ จิวเวอร์รี่เป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาดเมืองไทย”
ส่วนปัจจัยที่ทำให้กริซ จิวเวอร์รี่ ประสบความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากการทำการตลาดผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก www.facebook.com/myGlitzjewels ซึ่งเรามีฐานกลุ่มลูกค้าเป็นแฟนเพจที่มากที่สุดในธุรกิจด้านเครื่องประดับเพชรออนไลน์ในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 190,000 ราย ย้อนกลับไปช่วงแรกที่เปิดตัว www.glitzdiamond.com เมื่อ 4 ปีก่อน บริษัทฯ ยังไม่มั่นใจว่าตลาดในไทยจะตอบรับมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากสินค้าประเภทเครื่องประดับเพชรเป็นสินค้าที่มีราคาสูง และลูกค้าต้องการความน่าเชื่อถือจากร้าน กริซ จิวเวอร์รี่ อย่างไรก็ตามการทำตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊กช่วยให้เราสามารถสร้างเครือข่ายกลุ่มลูกค้าที่เข้าถึงสินค้าและบริการได้ และที่สำคัญคือช่วยให้กลุ่มลูกค้ารู้จักแบรนด์กริซ จิวเวอร์รี่มากยิ่งขึ้น
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท กริซ จิวเวอร์รี่ ในปีนี้จะเน้นเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งสร้างแบรนด์กริซ จิวเวอร์รี่ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเน้นใช้กลยุทธ์การตลาดผ่านช่องทางสื่ออื่นๆ เพิ่มขึ้น เช่น ทวิตเตอร์และอินสตาแกรม รวมทั้งจัดโรดโชว์แนะนำสินค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงขยายสาขาร้านเพชรกริซ จิวเวอร์รี่ไปยังต่างจังหวัดมากขึ้นด้วย
นางสาวอรทัยกล่าวเพิ่มเติมว่า “จากข้อมูลการสำรวจพฤติกรรมการใช้อินเตอร์เน็ตของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุดพบว่ากระแสการชอปปิ้งออนไลน์ของผู้บริโภคไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 31% ในปี 2549 เป็น 64% ในปี 2555 บริษัทฯ มองว่าทิศทางธุรกิจอีคอมเมิร์ซของไทยนั้นมีแนวโน้มเติบโตแน่นอน โดยปัจจัยหลักที่หนุนให้ตลาดอีคอมเมิร์ซเติบโต คือ ความสะดวก ประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่าย รวมทั้งยังมีระบบการชำระเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้ และมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ประกอบกับยอดตัวเลขจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี รวมไปถึงการขยายพื้นที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และการเปิดให้บริการโทรศัพท์มือถือระบบ 3 จีด้วย”
ทั้งนี้สินค้าที่ทางร้านกริซ จิวเวอร์รี่จำหน่ายนั้นมีหลากหลาย อาทิ เครื่องประดับเพชร ทับทิม ไพลิน ไข่มุก และมรกต ซึ่งนำไปเป็นเครื่องประดับแหวน สร้อยข้อมือ กำไล ต่างหู และอื่นๆ โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมจะเป็นแหวนเพชรครึ่งกะรัตในคอลเล็คชั่น “I Do” ซึ่งขายผ่านทางหน้าเว็บไซต์ www.glitzdiamond.com และร้านกริซ จิวเวอร์รี่ ทั้ง 2 สาขา คือสาขาอัมรินทร์ พลาซ่าและสาขาเซ็นทรัล พระราม 3
“การเลือกทำเลในการเปิดร้านก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึง สาเหตุที่บริษัทฯ เลือกเปิดร้านกริซ จิวเวอร์รี่สาขาแรกที่อาคารอัมรินทร์ พลาซ่า เนื่องจากที่นี่เป็นแหล่งรวมศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในย่านราชดำริ และเป็นสถานที่ๆ กลุ่มลูกค้ารู้จักเป็นอย่างดี สามารถเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS และ MRT ส่วนสาขาสองที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 3 นั้น เรามองว่าเป็นจุดที่ใกล้กับอาคารและที่พักอาศัยจำนวนมาก รวมถึงโครงการต่างๆ ที่กำลังก่อสร้างอยู่ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการขยายฐานกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ได้เป็นอย่างดี”
“ส่วนพฤติกรรมการเลือกซื้อเครื่องประดับเพชร ถ้าเป็นกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในต่างจังหวัดจะนิยมซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ ส่วนกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในกรุงเทพฯ และใกล้เคียงจะมาเลือกซื้อเครื่องประดับเพชรที่ร้านกริซ จิวเวอร์รี่ทั้ง 2 สาขา โดยยอดขายของสาขาอัมรินทร์ พลาซ่าอยู่ที่ประมาณ 90% ส่วนสาขาเซ็นทรัล พระราม 3 นั้นอยู่ที่ 10% พร้อมตั้งเป้ายอดขายรวมเติบโต 100%” นางสาวอรทัย กล่าวสรุป