กรุงเทพฯ--22 มี.ค.--ก.ล.ต.
ก.ล.ต. แจ้งบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 4)พ.ศ. 2556 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ. 2556ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว
สืบเนื่องจากการออกกฎหมายทั้งสองฉบับดังกล่าว เป็นการดำเนินการเพื่อแก้ไขให้ไทยถูกปลดออกจากการเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงด้านฟอกเงิน รวมทั้งเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลเกี่ยวกับ AML/CFT (Anti-Money Laundering and Combating the Financing of Terrorism) ตามข้อแนะนำของ FATF (Financial Action Task Force) ในการนี้ ก.ล.ต. ได้รับแจ้งจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ว่า ในกฎหมายฟอกเงินได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินให้รวมถึง “ความผิดเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์” ซึ่งประกอบด้วย ความผิดในลักษณะการแพร่ข่าวเท็จ หรือทำให้สำคัญผิดเกี่ยวกับหลักทรัพย์ การซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายใน และการสร้างปริมาณหรือราคาของหลักทรัพย์
บล. บลจ. ที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุน)ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินจึงต้องรายงานธุรกรรมในลักษณะที่กำหนดนั้นต่อ ปปง. โดย ปปง. มีอำนาจในการตรวจสอบรายงานและข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรม ตลอดจนสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดได้
ในส่วนของกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายมีข้อกำหนดให้ผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรมตามกฎหมายฉบับแรก ซึ่งรวมถึง ผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุน (1) ต้องกำหนดนโยบายในการประเมินความเสี่ยง หรือแนวปฏิบัติ เพื่อป้องกันการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และ (2) ต้องระงับการดำเนินการกับทรัพย์สินของบุคคลในรายชื่อบุคคลที่กฎหมายกำหนด และทรัพย์สินของผู้กระทำการแทน หรือกระทำตามคำสั่ง หรือกิจการภายใต้การควบคุมของบุคคลในรายชื่อดังกล่าว นอกจากนี้ ผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุนต้องแจ้งให้ ปปง. ทราบข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ถูกระงับและข้อมูลลูกค้าและผู้ที่เคยเป็นลูกค้าซึ่งเป็นบุคคลในรายชื่อดังกล่าว หรือบุคคลที่เคยทำธุรกรรมกับบุคคลในรายชื่อนั้นด้วย
หากผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรมไม่ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดมีบทกำหนดโทษอาญา โดยกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินการ อาจต้องรับโทษด้วยในการสั่งการ ไม่สั่งการ การกระทำหรือไม่กระทำการอันเป็นหน้าที่ดังกล่าว
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “เนื่องจากมีการปรับปรุงพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2556 และมีการออกพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ. 2556 ผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุนซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายใหม่สองฉบับดังกล่าว จึงต้องมีระบบงานในการควบคุมดูแลการให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์และบริการอื่นแก่ลูกค้าด้วยความระมัดระวัง เพื่อมิให้มีการกระทำความผิดอันเป็นความผิดมูลฐานเกิดขึ้นเช่น การสร้างปริมาณหรือราคาของหลักทรัพย์ เป็นต้น จึงขอให้ปฏิบัติให้เป็นไปตามที่กฎหมายทั้งสองฉบับกำหนดไว้”