ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของอิออน ธนสินทรัพย์

ข่าวทั่วไป Wednesday December 22, 2004 14:44 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ธ.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย)
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ของ บริษัทอิออน ธนสินทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (“อิออน”) ระยะยาวที่ระดับ ‘A-(tha)’ และระยะสั้นที่ระดับ ‘F2(tha)’ แนวโน้มมีเสถียรภาพ อันดับเครดิตของอิออนสะท้อนให้เห็นถึงจุดแข็งของบริษัทในการให้บริการลูกค้าเฉพาะกลุ่ม การเติบโตของผลกำไรและความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งในธุรกิจเงินกู้รายย่อย การกระจายความเสี่ยงของสินค้าที่อิออนปล่อยสินเชื่อ เงินกองทุนที่แข็งแกร่ง และการสนับสนุนจากบริษัทแม่ แต่อันดับเครดิตยังสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลในคุณภาพสินทรัพย์ที่อาจถดถอยลงเนื่องจากกลยุทธ์การปล่อยสินเชื่อที่มีอัตราการเติบโตสูงและเนื่องจากความผันผวนของสินเชื่อผู้บริโภคในกลุ่มลูกค้ารายได้ต่ำ
สินเชื่อของอิออนได้ขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญใน 4 ปีที่ผ่านมา สืบเนื่องมาจากการเติบโตของธุรกิจหลักคือ ธุรกิจเช่าซื้อ บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล อิออนมีกำไรสุทธิในช่วงปีประกอบการสิ้นสุดกุมภาพันธ์ 2547 ที่ 623 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 464 ล้านบาทในปีประกอบการก่อนหน้า เป็นผลเนื่องมาจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจบัตรเครดิต แม้ว่าปริมาณสินเชื่อรวมของอิออนจะปรับตัวลงเล็กน้อยในปีประกอบการสิ้นสุดกุมภาพันธ์ 2547 จากการที่ความมั่นใจของผู้บริโภคถูกกระทบโดยโรคไข้หวัดซาร์และสงครามในประเทศอิรัก ปริมาณสินเชื่อรวมของอิออนได้กลับมาเติบโตอีก โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นถึง 23% ในช่วงครึ่งแรกของปีประกอบการ 2548 สิ้นสุดสิงหาคม 2547
หนี้ที่ค้างชำระของอิออนอยู่ที่ระดับ 9.2% ของสินเชื่อลูกหนี้การค้าทั้งหมด ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2547 เพิ่มขึ้นจากระดับ 6.9% ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2546 ถ้าไม่รวมผลกระทบจากการโอนสินทรัพย์ไปเพื่อโครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (Securitisation) หนี้ที่ค้างชำระจะอยู่ที่ระดับ 8% ของสินเชื่อลูกหนี้การค้าทั้งหมด แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับระดับหนี้ค้างชำระที่เพิ่มขึ้น มาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่อและการจัดเก็บหนี้ที่เข้มงวดนับแต่ปลายปี 2546 ได้ช่วยลดการถดถอยของคุณภาพของสินทรัพย์ หนี้ที่ค้างชำระลดลงสู่ระดับ 4.6% ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2547 ปัจจัยหลักประการหนึ่งที่ทำให้อิออนมีผลประกอบการที่ดีคือการบริหารงานที่เข้มงวด โดยเฉพาะทางด้านการปล่อยสินเชื่อและการจัดเก็บหนี้ อย่างไรก็ตาม หากหนี้ที่ค้างชำระเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันก็อาจส่งผลให้อันดับเครดิตของอิออนปรับลดลงได้ อัตราการเติบโตของปริมาณสินเชื่อในระดับสูงโดยเฉพาะในธุรกิจบัตรเครดิตก่อให้เกิดความเสี่ยงของหนี้ที่ค้างชำระและหนี้สูญที่อาจเพิ่มขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการทำกำไรในอนาคต การเพิ่มขึ้นของการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อสำหรับสินค้าชิ้นใหญ่ เช่น รถจักรยานยนต์ ยังก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อคุณภาพของสินทรัพย์ในระยะปานกลางด้วย
กฎเกณฑ์ในการให้ใบอนุญาตใหม่และการควบคุมธุรกิจบัตรเครดิตที่มีผลบังคับใช้ในปี 2546 ไม่ได้มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออิออน ถึงแม้ว่าการควบคุมอัตราดอกเบี้ยและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นได้ส่งแรงกดดันต่ออัตรากำไรของบริษัทที่เคยอยู่ในระดับสูงมากอยู่บ้าง มาตรการควบคุมธุรกิจบัตรเครดิตที่ออกมาเพิ่มเติมและมีผลบังคับใช้ในเดือนเมษายน 2547 คาดว่าจะมีผลกระทบค่อนข้างน้อยต่ออิออน แม้ว่าอัตราการเติบโตของสินเชื่อของอิออนอาจได้รับผลกระทบบ้าง
อิออนได้ทำการแปลงสินเชื่อเช่าซื้อเป็นหลักทรัพย์ จำนวน 2 พันล้านบาทในเดือนกุมภาพันธ์ 2547 ผลกระทบโดยทั่วไปจากการแปลงสินเชื่อเช่าซื้อเป็นหลักทรัพย์ ต่อความสามารถในการทำกำไรและคุณภาพของสินทรัพย์ค่อนข้างเป็นกลาง และน่าจะส่งผลบวกต่อสภาพคล่องและเงินกองทุนของบริษัท เมื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ในประเทศไทยเริ่มมีการพัฒนามากขึ้น อิออนน่าจะได้รับประโยชน์ทางด้านต้นทุนเงินกู้ยืม และการกระจายของแหล่งเงินทุน ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจต่อไปได้อีกในอนาตต ส่วนของผู้ถือหุ้นของอิออน ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2547 อยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท อิออนมีเงินกองทุนต่อสินเชื่อในระดับ 14% ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2547 ในขณะที่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของอิออนยังอยู่ในระดับสูง ฟิทช์เชื่อว่าอิออนอาจพิจารณาการแปลงสินเชื่อเป็นหลักทรัพย์ประกอบกับการเพิ่มทุนในอนาคตเพื่อรักษาอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่สูงต่อไป
หมายเหตุ : การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Ratings) ใช้วัดความน่าเชื่อถือของบริษัทในประเทศที่อันดับเครดิตของรัฐบาลในประเทศนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่า ‘AAA’ ในระดับการจัดอันดับเครดิตแบบสากล (International Ratings) อันดับเครดิตภายในประเทศจึงไม่สามารถเปรียบเทียบกับอันดับเครดิตแบบสากล เนื่องจากอันดับเครดิตของบริษัทที่ดีที่สุดของประเทศได้จัดไว้ที่ระดับ “AAA” และการจัดอันดับเครดิตอื่นในประเทศ จะเป็นการเปรียบเทียบความเสี่ยงกับบริษัทที่ดีที่สุดนี้เท่านั้น อันดับเครดิตภายในประเทศจะมีสัญลักษณ์ที่กำหนดไว้ต่อท้ายจากอันดับเครดิตสำหรับประเทศนั้นๆ เช่น “AAA(tha)” ในกรณีของประเทศไทย
ติดต่อ
ชัยพัฒน์ ไพฑูรย์,
Vincent Milton, กรุงเทพฯ
+662 655 4762/4759
David Marshall, ฮ่องกง
+852 2263 9963--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ