กรุงเทพฯ--26 มี.ค.--ชัยพีอาร์
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ร่วมกับ โรงพยาบาลอุดรธานี และบริษัท แอลเลอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด จัดมหกรรมตรวจสุขภาพ “วันต้อหินโลก” หนึ่งในโครงการรณรงค์ให้คนไทยหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพดวงตาของตนเองและบุคคลรอบข้าง โดยระดมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งไทยและต่างประเทศ มาให้คำปรึกษา บริการตรวจสุขภาพของดวงตา พร้อมการเสวนา ต้อหิน ตรวจก่อน รู้ก่อน ป้องกันตาบอดได้ และร่วมกิจกรรมตรวจสุขภาพตาเบื้องต้น โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมเผยคนไทยเป็นต้อหินโดยไม่รู้ตัวกว่า 2 ล้านคน
รศ.นพ.ปริญญ์ โรจนพงศ์พันธุ์ หัวหน้าภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ดวงตาเป็นทรัพย์สมบัติล้ำค่า ที่จะต้องคอยดูแลอยู่เสมอ แต่คนส่วนใหญ่มักจะเห็นคุณค่าก็ต่อเมื่อเจ็บป่วย หรือเริ่มสูญเสียสายตาไปแล้ว โรคต้อหินเป็นสาเหตุนำอันดับหนึ่งของโรคตาบอดอย่างถาวรในประเทศไทย และเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของคนไทยทั้งประเทศ ในปัจจุบันมีคนไทยจำนวนมากละเลยการดูแลใส่ใจสุขภาพดวงตาของตนเองและคนรอบข้าง จึงก่อให้เกิดปัญหาทางสุขภาพและสังคมต่างๆ ตามมา ดังนั้น จึงจำเป็นที่ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันรณรงค์ให้ความรู้และกระตุ้นเตือนให้ประชาชนมีความรู้เกี่ยวกับโรคต้อหิน เพื่อให้ประชาชนทราบและระวังตาบอดจากโรคต้อหิน ซึ่งเป็นโรคที่มักไม่มีอาการในระยะแรก
ในปัจจุบันคาดมีคนไทยป่วยเป็นต้อหินแล้วจำนวนเกือบ 3 ล้านคน นับเป็นโรคที่รุนแรงและทำให้ตาบอดโดยไม่รู้ตัว โดยพบมากที่สุดที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และน้อยที่สุดคือภาคใต้ จัดว่ารุนแรงกว่าโรคต้อกระจก และโรคเบาหวานขึ้นตา โดยผู้ป่วย 9 ใน 10 ราย จะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคต้อหิน อาการของผู้ป่วยจะค่อยๆ สูญเสียการมองเห็น พบว่าเป็นสาเหตุสำคัญของอาการตาบอด โดยกลุ่มเสี่ยงจะมีอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป หรือคนในครอบครัวที่มีประวัติเป็นโรคดังกล่าว
จากการสำรวจใน กทม. พบว่าต้อหินที่พบบ่อยอีกชนิดหนึ่งคือ ต้อหินมุมปิด โดยจะมีภาวะมุมตาแคบแต่ไม่มีอาการใดๆ ในระยะแรก หากปล่อยไว้ อาจนำไปสู่โรคต้อหินถาวรได้ จากการสำรวจ พบว่าชาวกทม.กว่า 2 แสนคน ที่อายุตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไปอยู่ในกลุ่มเสี่ยง หากประชากรในกลุ่มนี้ ได้รับการรักษาโดยตรวจพบก่อน ก็จะสามารถป้องกันไม่ให้เป็นโรคได้ ซึ่งอายุและประวัติครอบครัว ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ ยิ่งคนไทยมีอายุยืนขึ้น ก็ยิ่งมีอัตราการเป็นโรคต้อหินสูงขึ้น แต่ปัญหาที่สำคัญที่สุดของต้อหิน คือการไม่รู้ตัวว่าตนป่วยเป็นโรค ในระยะแรก จะไม่มีอาการใดๆ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ประสาทตาถูกทำลายไปมากแล้ว และเมื่อโรครุกรามไปมาก การรักษาก็มักไม่ได้ผล โรคต้อหินเป็นภัยเงียบที่น่ากลัว และทำลายคุณภาพชีวิตในระยะยาว นำมาซึ่งความทุกข์ และคุณภาพชีวิตที่ด้อยลงอย่างมากเมื่อสูญเสียสายตา การตรวจพบโรคในระยะเริ่มแรก จะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยตาบอด และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรให้ดีขึ้น
ด้าน นายแพทย์ศิริวัฒน์ ไชยเอีย หัวหน้ากลุ่มงานจักษุวิทยา โรงพยาบาลอุดรธานี กล่าวว่า ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคต้อหินมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น สาเหตุสำคัญมาจากปัจจัยต่างๆ อาทิ อายุที่มากกว่า40ปี ความดันในลูกตา โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง หรือผู้ที่ใช้ยาสเตียรอยด์ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ดังนั้น การเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเรื่องการดูแลและการเฝ้าระวังการเกิดโรคดังกล่าว ไปสู่ประชาชนอย่างทั่วถึงจึงเป็นสิ่งสำคัญ ประกอบกับยังมีประชาชนอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลหรือความรู้เหล่านี้ ส่งผลให้มีผู้ป่วยเป็นจำนวนมากที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากการตาบอดถาวรจากโรคต้อหิน ซึ่งจริงๆ แล้วสามารถป้องกันได้หากได้รับการวินิจฉัยแต่เนิ่นๆ ดังนั้น การที่ภาครัฐและภาคเอกชนร่วมมือ จัดมหกรรมตรวจสุขภาพ “วันต้อหินโลก” จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะช่วยเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเรื่องการดูแลสุขภาพ และรับคำแนะนำจากแพทย์ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพของดวงตาที่ดี ห่างไกลจากการตาบอดถาวรจากโรคต้อหินได้
Dr. Margot Goodkin, Medical Director of Ophthalmology at Allergan Inc. เปิดเผยว่า มหกรรมตรวจสุขภาพ “วันต้อหินโลก” เกิดขึ้นจากเจตนารมณ์ของบริษัทที่ต้องการเห็นคนไทยมีสุขภาพดวงตาที่ดี ด้วยการหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพดวงตาของตนเองและบุคคลรอบข้าง หมั่นสังเกตและใส่ใจอาการอยู่เสมอ รวมทั้งรับคำแนะนำเพื่อปรับพฤติกรรมการดำรงชีวิตให้เหมาะสม เพื่อรู้เท่าทัน ป้องกันโรคได้ทันท่วงที หรือสามารถชะลอการเสื่อมของดวงตา ตลอดจนได้รับการรักษา และทราบแนวทางในการปฏิบัติตัว เพื่อมุ่งเน้นการป้องกันโรค พร้อมช่วยเหลือผู้ป่วยให้ดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุขไปพร้อมๆ กับการรักษา ทั้งนี้มหกรรมตรวจสุขภาพดวงตาดังกล่าวได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลอุดรธานี
Dr. Margot กล่าวเพิ่มเติมว่า มหกรรมตรวจสุขภาพ “วันต้อหินโลก” นี้ ทางบริษัทฯ วางแผนที่จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และมุ่งมั่นที่จะขยายการเข้าถึงของโครงการให้ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ ให้มากที่สุด โดยหวังว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการให้ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพที่ถูกต้อง และเป็นประโยชน์แก่ประชาชนให้รู้เท่าทันโรคต้อหิน พร้อมทั้งเป็นสื่อกลางที่ช่วยให้ผู้ที่อยู่ในแวดวงสุขภาพ ได้เข้าใจถึงปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นในชุมชน และทราบถึงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อันเป็นสาเหตุของโรคชัดเจนขึ้น ทั้งนี้ เพื่อหาแนวทางในการรับมือกับปัญหาและสาเหตุดังกล่าวได้อย่างถูกต้อง ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นความตั้งใจจริงของบริษัทฯ ที่ต้องการมีส่วนช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น เพื่อที่คนไทยจะไม่ต้องทรมานจากโรคร้ายนี้อีกต่อไป
เผยแพร่ในนาม บริษัท แอลเลอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด โดย บริษัท ชัยพีอาร์ จำกัด