กระทรวงเกษตรฯ เดินหน้าบังคับใช้กฎหมายรื้อโพงพาง 11 จังหวัดที่เหลือ พร้อมหาแนวทางเยียวยา

ข่าวทั่วไป Wednesday March 27, 2013 10:58 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 มี.ค.--กระทรวงเกษตรและสกรณ์ นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการด้านการประมง ว่า เครื่องมือโพงพางเป็นเครื่องมือการทำประมงที่มีประสิทธิภาพสูงในการจับสัตว์น้ำโดยไม่เลือกชนิดและขนาด เป็นการทำลายพันธุ์สัตว์น้ำอย่างร้ายแรง อีกทั้งยังขวางกั้นทางเดินของสัตว์น้ำ ตัดวงจรชีวิตของสัตว์น้ำที่มีการโยกย้ายถิ่นฐานในการขยายพันธุ์ และกีดขวางการสัญจรทางน้ำ ตลอดจนส่งผลกระทบต่อการทำประมงของเครื่องมือประมงที่ถูกกฎหมาย การทำประมงโพงพางจึงก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการนำสัตว์น้ำขึ้นมาใช้ก่อนถึงขนาดแรกเริ่มสืบพันธุ์อย่างมาก ซึ่งหากปล่อยให้สัตว์น้ำเติบโตได้จนถึงขนาดแรกเริ่มสืบพันธุ์ จะทำให้สัตว์น้ำมีมูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณ 144,000 บาท/ปี ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมงจึงได้กำหนดห้ามเครื่องมือประมงประเภทที่จับสัตว์น้ำโดยไม่เลือกชนิด ขนาด และทำลายระบบนิเวศพื้นท้องทะเลอย่างร้ายแรงในการทำประมง เช่น เครื่องมือโพงพาง อวนรุน อวนลาก คราดหอย เป็นต้น เพื่ออนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำให้มีใช้ได้อย่างยั่งยืน นายศิริวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า การแก้ไขปัญหาเครื่องมือโพงพางได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง นับจาก พ.ร.บ.การประมง พ.ศ.2490 รวมระยะเวลากว่า 65 ปี สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาเครื่องมือโพงพางได้แล้วทั้งสิ้น 66 จังหวัด และกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการรื้อถอนอีก 11 จังหวัด ซึ่งในการพิจารณาของคณะอนุกรรมการฯ ครั้งนี้ มีมติเห็นควรให้มีการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับจังหวัดที่เหลือทั้งหมดโดยเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เป็นประเด็นการเลือกปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้กรมประมงหาแนวทางการช่วยเหลือเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ที่ใช้เครื่องมือโพงพาง เช่น การจ่ายค่าชดเชย การพัฒนาส่งเสริมอาชีพ หรือการให้ความรู้และสนับสนุนในเรื่องของการใช้เครื่องมือประมงที่ถูกต้องตามกฎหมายประเภทอื่นด้วย ซึ่งการทำความเข้าใจและให้ความรู้ในเรื่องของการใช้เครื่องมือประมงต่างๆ นั้น กรมประมงได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องอยู่เป็นประจำทุกปี “สาเหตุที่ต้องยกเลิกเครื่องมือโพงพางนั้น เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างมาก สำหรับการเยียวยาความเดือดร้อนของผู้ที่ใช้เครื่องมือโพงพาง จากการบังคับใช้กฎหมาย จะมีคณะกรรมการระดับจังหวัดแต่ละจังหวัดเข้ามาร่วมพิจารณาด้วย ซึ่งต้องพิจารณาในการดูแลเยียวยาอย่างรอบด้าน ในปัญหาเศรษฐกิจและสังคมที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ จังหวัดใดที่มีความพร้อมก็สามารถดำเนินการได้ทันที โดยในขณะเดียวกันก็จะสรุปรายงานเรื่องการบังคับใช้กฎหมายยกเลิกเครื่องมือโพงพางนี้ส่งคณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติรับทราบ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย เพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหา พร้อมเร่งดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และตามกฎหมายต่อไป” นายศิริวัฒน์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ