สร้าง “สุข” ด้วย “ซาเทียร์” สู่การเปลี่ยนแปลงภายใน ยอมรับและรักตัวเอง พัฒนา “ความมั่นคงในจิตใจ”

ข่าวทั่วไป Wednesday March 27, 2013 11:09 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 มี.ค.--ไอแอมพีอาร์ เพราะเป้าหมายสูงสุดในชีวิตที่แท้จริงของมนุษย์ทุกคนคือ “ความสุข” แต่คำนี้มีลักษณะเป็นนามธรรมจึงถูกคนส่วนใหญ่ในสังคมตีความหมายของความสุขแตกต่างกันออกไป ปัจจุบันคนส่วนใหญ่หลงเข้าใจกันไปว่าความสุขก็คือการได้มี หรือได้มาซึ่งสิ่งนั้นสิ่งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นความสามารถในการที่จะรู้จักความสุขของผู้คนในสังคมไทยกำลังหายไป เพราะคำว่า “หาความสุข” หรือ “มีความสุข” นั้นแตกต่างกัน หลายๆ คนก็เลยเอาเวลาไปทำงานหาเงินเพื่อไปซื้อสิ่งที่คิดกันว่าเป็นความสุข โรงพยาบาลมนารมย์ โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางด้านสุขภาพจิตและจิตเวช ได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงร่วมกับ ศ.พญ.นงพงา ลิ้มสุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชเด็กวัยรุ่นและครอบครัว ที่ปรึกษาของโรงพยาบาลฯ ออกแบบกระบวนการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ “ซาเทียร์ : แปรเปลี่ยนและเติบโตสู่ความมั่นคงภายใน (Self Development)” เพื่อนำเอาหลักจิตวิทยาอันละเอียดอ่อนลึกซึ้งมาถ่ายทอดพร้อมกับการฝึกปฏิบัติ เพื่อให้เกิดการพัฒนาภายในจิตใจของผู้เข้าร่วมอบรม อันจะนำมาซึ่งการค้นพบความสุขที่แท้จริง “ซาเทียร์เป็นหลักจิตวิทยา ซึ่งเป็นหลักที่เข้าใกล้ความเป็นธรรมชาติของมนุษย์มากที่สุด และมีความคล้ายคลึงกับหลักธรรมคำสอนตามแนวทางพระพุทธศาสนา และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพราะเรื่องของจิตใจเป็นนามธรรมที่จับต้องไม่ได้ แต่สามารถพัฒนาได้ ถ้ายิ่งได้รับการพัฒนาไปเรื่อยๆ ก็จะยิ่งทำให้มีความสุขมากยิ่งขึ้น” ศ.พญ.นงพงา กล่าว ตามหลักทฤษฎีของ “ซาเทียร์” นักจิตวิทยาชาวอเมริกันที่ค้นพบหนทางสร้างความมั่นคงภายในจิตใจอันจะนำมาซึ่งความสุขในชีวิต ระบุว่าหนทางเริ่มต้นการค้นพบความสุขนั้นจะต้องเริ่มต้นที่ตัวเองก่อน “เพราะความสุขที่แท้จริงมาจากการให้อาหารใจเป็น ด้วยการรักตัวเองเป็น รักตัวเองได้ ยอมรับตัวเองเป็น และยอมรับตัวเองได้ สังคมเราทุกวันนี้ผู้คนยอมรับตัวเองไม่ค่อยได้ แต่ซาเทียร์ จะทำให้เราสามารถรับตัวเองได้ทั้งในแง่ดีและแม่ไม่ดี ในบางเรื่องอาจจะเป็นแง่ลบแต่ก็ต้องปล่อย มันไว้ ไม่ต้องไปตัดขาต่อแขน แต่ให้ยอมรับตัวเองอย่างที่เป็นอยู่ เพราะคุณค่าที่แท้จริงของมนุษย์ อยู่ภายใน เพราะถ้าเรามีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับตัวเอง ไม่ชอบตัวเอง หงุดหงิดตลอดเวลา ก็ไม่มี ทางที่จะมีความสุข” ศ.พญ.นงพงา ระบุ ดังนั้นในทฤษฎีของซาเทียร์จึงเน้นจากการเริ่มต้นพัฒนาตนเอง โดยเริ่มจากการเห็นคุณค่าของตัวเองว่ามีดีพอ แต่ไม่ได้หมายความว่าดีหรือดีวิเศษ แต่ต้องตั้งใจที่จะเห็นความสำคัญของตนเอง เห็นความดีและเห็นคุณค่าในตัวของตัวเอง เพราะเมื่อเราสามารถมองเห็นความดีและเห็นคุณค่าในตัวของเราได้ ก็จะสามารถมองเห็นความดีและเห็นคุณค่าในตัวของคนอื่นได้ “การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการตามหลักของซาเทียร์ จะทำให้เราได้รู้จักตัวเอง ได้พัฒนาตัวเอง เกิดความมั่นคงในจิตใจ รู้จักว่าตัวเองมีคุณค่าดีพอแล้ว สามารถยอมรับตัวเองได้ มีความเป็นอิสระ สามารถตัดสินใจเอง ใช้ชีวิตได้สอดคล้องกลมกลืนกับตัวเอง คนอื่น และบริบทโดยที่ไม่ขัดแย้งกับตัวเองและคนอื่น เมื่อได้รับการพัฒนาตนเองก็จะมีความสุขขึ้น เพราะซาเทียร์จะเน้นเรื่องความเป็นตัวของเราเอง เมื่อเรามีความมั่นคงในจิตใจ ไม่ว่าใครจะมาว่าอะไรเราก็จะไม่หวั่นไหวไปกับคำพูดเหล่านั้น” ศ.พญ.นงพงา กล่าว แต่ในสังคมปัจจุบันโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนคนรุ่นใหม่กำลังถูกกระแสสังคมและวัตถุนิยมพัดพาไปอย่าง ไร้จุดยืน หลายคนอยากมีผิวขาวเหมือนดาราเพราะตกเป็นเหยื่อของการโฆษณา จนทำให้รู้สึกไปเองว่าขาวนั้นดีกว่า ดำอยากมีข้าวของเครื่องใช้หรือเครื่องประดับต่างๆ เหมือนกับคนดังในสังคม “การต้องการเป็นเหมือนคนอื่นถือว่าเป็นปัญหามาก นี่คือการไม่ยอมรับตัวเอง แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังอยากจะเป็นของก๊อปปี้ ดังนั้นถ้าอยากรู้จักว่าตัวเองเป็นใคร รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ต้องการที่จะไปไหน ก็ควรที่จะได้มาศึกษาและเรียนรู้เรื่องของซาเทียร์ เพราะเมื่อรู้จักคุณค่าในตัวของเราเองแล้ว ก็จะไม่ไปเบียดเบียนใครและสามารถเอื้อเฟื้อหรือถ่ายทอดความอ่อนโยนไปสู่คนอื่นๆ ได้ด้วย” ศ.พญ.นงพงา สรุป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ