กรุงเทพฯ--27 มี.ค.--สภากาชาดไทย
ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย เป็นหน่วยงานหนึ่ง ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อรอคอยรับน้ำใจที่มนุษย์มีต่อมนุษย์ด้วยกัน ให้ทุกคนสามารถทำความดีได้แม้ในยามที่ชีวิตสิ้นสูญไปแล้ว และเพื่อผู้ป่วยมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ซึ่งปัจจัยสำคัญที่สุดในการรักษา คือ การให้ได้มาซึ่งอวัยวะบริจาคจากผู้เสียชีวิตในประเทศไทย
สภากาชาดไทย เป็นศูนย์กลางในการดำเนินการ เป็นองค์กรกลางการกุศล และได้รับความไว้วางใจจากสาธารณชน จึงได้เริ่มเสนอโครงการ จัดตั้งศูนย์รับบริจาคอวัยวะแห่งสภากาชาดไทย ขึ้นในต้นปี 2537 และได้เริ่มปฏิบัติงานเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2537 โดยได้รับพระราชทานพระราชานุญาตให้วันที่ 2 เมษายน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นวันก่อตั้งศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงที่ทรงมีพระเมตตาต่อผู้บริจาคอวัยวะ ทายาทผู้บริจาคอวัยวะ ผู้ปฏิบัติงานทุกคน และในการจัดงานวันศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ ของทุกปี นับเป็นโอกาสอันดีที่ผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการบริจาคอวัยวะทุกท่านจะได้ร่วม กันระลึกถึงและบำเพ็ญกุศลให้แก่ผู้บริจาคอวัยวะ ที่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ ได้นำอวัยวะไปใช้ประโยชน์แล้ว
ตลอดระยะเวลา 19 ปี ศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ ได้ ดำเนินงานโดยยึดถือความเป็นกลาง ความเสมอภาค โดยผู้รอรับอวัยวะทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมในการได้รับอวัยวะโดยไม่แบ่งเพศ เชื้อชาติ ศาสนา เศรษฐฐานะ และการมีมนุษยธรรม ผู้ป่วยที่ รอรับการปลูกถ่าย ทั้งหัวใจ ปอด และตับ ที่มีอาการหนัก จะได้รับการจัดสรรอวัยวะให้ก่อน โดยได้จัดสรรอวัยวะอย่างถูกหลักวิชาการ มีความโปร่งใส ตรวจสอบข้อมูลได้ เพราะศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ ได้ให้ความสำคัญต่อทุกชีวิต เพราะถือว่า ทุกชีวิตมีคุณค่าเท่าเทียมกัน การบริจาคอวัยวะ คือ การให้อวัยวะเป็นทานโดยไม่หวังผลตอบแทน เพื่อนำไปใช้ในการปลูกถ่ายอวัยวะ เป็นการต่อชีวิตใหม่อีกหลายชีวิต เป็น “ของขวัญแห่งชีวิต” นอก จากนี้ ศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ ได้ขยายกิจกรรมโดยจัดตั้งคลังเนื้อเยื้อ เพื่อจัดทำกระดูก ผิวหนัง เพิ่มเติมจากลิ้นหัวใจ โดยจะเปิดให้บริการแก่ผู้ป่วยทั่วประเทศได้ในปี 2557 และศูนย์รับบริจาคอวัยวะ ได้จัดทำโครงการพัฒนาเครื่องมือต้นแบบสำหรับงานจัดทำกระดูก ซึ่งเป็นเครื่องมือชนิดพิเศษที่ไม่สามารถจัดซื้อได้ทั่วไป ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ พัฒนาเครื่องมือต้นแบบนี้ขึ้น อันจะส่งผลให้สามารถนำเนื้อเยื่อที่ได้รับบริจาคไปใช้ประโยชน์ ช่วยเหลือผู้ป่วยได้มากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยโรคกระดูกมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นายแพทย์วิศิษฏ์ ฐิตวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย กล่าวว่า ในทุกๆ ปี ศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ ได้จัดงานวันศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ เพื่อที่จะระลึกและบำเพ็ญกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตที่บริจาคอวัยวะของตนเอง เพื่อเป็นทาน และเพื่อให้ผู้ได้รับอวัยวะได้มีโอกาสแสดงน้ำใจขอบคุณความเอื้ออารีของผู้ บริจาคอวัยวะที่เสียชีวิต ต่อญาติผู้บริจาคอวัยวะ ทั้งนี้ มีผู้บริจาคอวัยวะที่ถึงแก่กรรมที่ได้นำไปใช้ประโยชน์แล้วทั้งสิ้นจำนวน 1,355 ราย นอกจากนี้ เป็นการขอบคุณหน่วยงานต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนกิจกรรมของศูนย์ฯ ด้วยดีตลอดมา สำหรับ การจัดงานวันศูนย์นั้น ได้รับเกียรติจาก นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิด ต่อจากนั้นจะเป็นพิธีสงฆ์ และบังสุกุลอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้บริจาคอวัยวะ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่ผู้เข้าร่วมงานได้ตั้งจิตอธิษฐานให้แก่ผู้ ล่วงลับ ได้ระลึกถึงความดีของผู้บริจาคอวัยวะทุกท่านที่เป็นผู้ให้ชีวิตใหม่แก่อีก หลายๆ คน
สำหรับปีที่ผ่านมา นับเป็นปีที่ได้รับบริจาคอวัยวะจากผู้เสียชีวิตสมองตายมากที่สุดอีกปีหนึ่ง โดยมีผู้บริจาคอวัยวะถึง 136 ราย คิดเป็น 1.7 คน ต่อประชากรของประเทศไทย 1 ล้านคน และรวมผู้บริจาคทั้งหมดตั้งแต่ พ.ศ.2537 — 31 ธันวาคม 2555 มีจำนวน 1,309 ราย โดยในปี 2555 สามารถนำอวัยวะไปปลูกถ่ายให้แก่ผู้ป่วยได้ 659 ราย เป็นอวัยวะ 334 ราย และเนื้อเยื่อ 325 ชิ้น โดยเป็นการปลูกถ่ายไตมากที่สุด คือ 246 ราย รองลงมาได้แก่ ตับ 72 ราย หัวใจ 12 ราย ไต-ตับ 1 ราย ไต-ตับอ่อน 2 ราย ส่วนการจัดเก็บเนื้อเยื่อ จำแนกเป็นลิ้นหัวใจ 118 ลิ้น ดวงตา 201 ดวง และกระดูก 6 ราย
ขณะเดียวกันมีผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะขณะมีชีวิตอยู่ในปี 2555 จำนวน 47,182 คน และตั้งแต่พ.ศ. 2537 ถึงปัจจุบัน 19 ปี มีจำนวน 669,991 คน โดย ใน พ.ศ.2555 มีผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ร้อยละ7.04 และนับเป็นปีที่มีผู้แสดงความจำนงมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก พ.ศ.2542 นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งที่ประชาชนได้มีความรู้ ความเข้าใจ และมีทัศนคติที่ดีในเรื่องการบริจาคอวัยวะเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ผมจึงขอเป็นผู้แทน กล่าวคำขอบคุณสำหรับผู้ที่ได้บริจาคอวัยวะ และทายาททุกท่านที่ได้ให้ชีวิตใหม่ ทั้งนี้ การปลูกถ่ายอวัยวะจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อมีอวัยวะจากผู้อื่นที่บริจาคให้ ซึ่งอวัยวะบริจาคนี้ได้มาจากผู้บริจาค 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้บริจาคที่มีชีวิต โดยอวัยวะที่สามารถบริจาคได้ คือ ไต และตับ ผู้บริจาคกลุ่มนี้ต้องเป็นญาติ หรือคู่สมรส ของผู้รับอวัยวะเท่านั้น หากผู้รอรับอวัยวะไม่มีญาติหรือคู่สมรสที่สามารถบริจาคอวัยวะให้กันได้ เช่น อวัยวะเข้ากันไม่ได้ ผู้บริจาคมีสุขภาพไม่สมบูรณ์ หรือด้วยให้เหตุผลอื่นก็ตาม จึงจำเป็นต้องรอรับอวัยวะจากผู้บริจาคอวัยวะกลุ่มที่สอง คือ ผู้บริจาคอวัยวะที่เสียชีวิตจากสมองตาย ซึ่งผู้บริจาคสมองตายสามารถบริจาคหัวใจ ปอด ตับ ไต ตับอ่อน ให้แก่ผู้อื่นได้ นายแพทย์วิศิษฏ์ ตั้งความหวังว่าในโอกาสครบรอบ 19 ปี ของศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ ในปีนี้จะมีผู้ใจบุญ มีจิตอันเป็นกุศลและเล็งเห็นถึงคุณค่าการบริจาคอวัยวะ เพื่อสร้างบุญสร้างกุศลครั้งใหญ่ในชีวิต แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะกันเป็นจำนวนมาก กระทั่งยังผลให้โอกาสของผู้รอรับบริจาคอวัยวะในการได้รับบริจาคอวัยวะสมความ ปรารถนาขยับตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ
สำหรับผู้สนใจ ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และต้องการให้พวกเขาเหล่านี้ได้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยสามารถทำได้โดยง่าย เพียงแค่ติดต่อแจ้งความจำนงได้ที่สายด่วน ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย โทร.1666 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือพิมพ์แบบฟอร์มบริจาคอวัยวะได้ที่ทางเว็บไซต์ www.organdonate.in.th