กรุงเทพฯ--28 มี.ค.--IR PLUS
JMT ชนะการประมูลซื้อหนี้ด้อยคุณภาพจากธนาคารธนชาต มูลค่า 44.34 ล้านบาท คาดอัตราผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายการซื้อหนี้ในครั้งนี้อยู่ที่ 10 — 12% พร้อมประเมินมูลหนี้สะสมที่ซื้อมาในรอบ 6 เดือนอยู่ที่ 138.69 ล้านบาทแล้ว จากงบลงทุนที่ตั้งไว้ 500 ล้านบาท แม่ทัพใหญ่ “ปิยะ พงษ์อัชฌา” เผยอยู่ระหว่างประมูลโครงการหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่มอีกอย่างต่อเนื่อง หลังภาพรวมตลาดสินเชื่อปีนี้มีแนวโน้มขยายตัว แถมผลพวงหนี้เสียที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายรถคันแรก หนุนผลงานทั้งปีนี้รายได้โตอีก 25-30% และกำไรเติบโตขึ้นต่อเนื่องได้ไม่ยาก
นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ บริหารหนี้ด้อยคุณภาพ และให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสองระดับแนวหน้าของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เข้าประมูลซื้อหนี้ด้อยคุณภาพกับ บริษัท ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เพื่อนำมาบริหารและติดตามเร่งรัดชำระหนี้ และสามารถชนะการประมูลซื้อหนี้ด้อยคุณภาพดังกล่าวและได้ลงนามในสัญญาซื้อโอนสิทธิเรียกร้องลูกหนี้กับธนชาตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมูลค่าการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพในครั้งนี้ มีราคาซื้อเท่ากับ 44.34 ล้านบาท หรือเท่ากับร้อยละ 6.00 ของมูลค่าสินทรัพย์รวมของบริษัทและบริษัทย่อย ซึ่งคำนวณตามเกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน โดยคำนวณจากงบการเงินรวมของบริษัท สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555
อย่างไรก็ตาม เมื่อคำนวณมูลหนี้ด้อยคุณภาพสะสมในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา (ตุลาคม 2555 - มีนาคม 2556) ก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้ทำการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารแล้วมูลค่า 94.35 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 12.68 โดยเมื่อรวมกับการซื้อหนี้รอบล่าสุดที่ 44.34 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารรวมเท่ากับ138.69 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.68 ของมูลค่าสินทรัพย์รวมของบริษัทและบริษัทย่อย ทั้งนี้บริษัทฯคาดว่ามูลค่าการลงทุนล่าสุดบริษัทฯ จะได้รับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนหลังจากหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน อยู่ที่ประมาณร้อยละ 10-12 ต่อปี ซึ่งจัดว่าเป็นอัตราผลตอบแทนที่คุ้มค่าและสูงกว่าอัตราต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ชำระมูลหนี้ทั้งหมดที่ซื้อมาในครั้งนี้เป็นเงินสดเรียบร้อยแล้วในวันที่ทำสัญญา โดยเงินลงทุนในการซื้อหนี้ครั้งนี้ มาจากแหล่งเงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงิน
“ล่าสุดบริษัทฯ ชนะการประมูลซื้อหนี้จากธนาคารธนชาตมูลค่า 44.34 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นหนี้ประเภทสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิตที่มาจากธนาคารนครหลวงไทย ซึ่งมูลค่าที่ประมูลได้ถือว่าอยู่ในระดับที่พอใจอย่างมาก และในเบื้องต้น คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนจากการเข้าประมูลซื้อหนี้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และบัตรเครดิตจากสถาบันการเงินแห่งหนึ่งเพิ่มเติมอีกในไตรมาส 2/56 นี้ อีกทั้ง บริษัทฯ มีแผนเข้าประมูลโครงการซื้อหนี้เพิ่มเติมอีกอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ คาดว่าทั้งปี 2556 จะมีพอร์ตซื้อหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยใช้เงินลงทุนในการซื้อหนี้ประมาณ 500 ล้านบาท” นายปิยะ กล่าว
นายปิยะกล่าวอีกว่า ภาพรวมตลาดสินเชื่อปีนี้มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยหนี้กลุ่มสินเชื่อส่วนบุคคล และบัตรเครดิตมีอัตราที่เพิ่มขึ้น โดยข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่าในช่วงปี 2555 ที่ผ่านมา มีมูลหนี้เสียในระบบมูลค่าราว 4.7 หมื่นล้านล้านบาท และคาดว่าในปีนี้มูลหนี้เสียจะเพิ่มขึ้นเป็นราว 5.6 หมื่นล้านล้านบาท ซึ่งจะเป็นโอกาสของบริษัทฯ ให้มีแนวโน้มเติบโตขึ้นได้อีกมาก รวมไปถึงโครงการรถคันแรก ที่คาดว่าจะมีหนี้เสียอยู่ที่ราว 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะเข้าไปซื้อหนี้เสียจากโครงการดังกล่าวนี้ประมาณ 3 พันล้านบาท เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผลงานบริษัทฯ ในปีนี้ เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ มีรายได้เติบโตราว 25-30% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 393.74 ล้านบาท และกำไรสุทธิเติบโตอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง จากปีก่อนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 109.83 ล้านบาท