สอท.เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้ โดยบริจาคเงินและสิ่งของกว่า 6,300,000 บาท และต้องการให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือทันที

ข่าวทั่วไป Tuesday December 28, 2004 16:01 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ธ.ค.--สอท.
นายประพัฒน์ โพธิวรคุณ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิเข้าถล่มพื้นที่ชายฝั่ง 6 จังหวัดภาคใต้ของประเทศไทย ว่า ส.อ.ท.จะเร่งหารือกับสภาอุตสาหกรรมในจังหวัดภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อหาแนวทางนำเสนอต่อรัฐบาลในการฟื้นฟูสภาพธุรกิจให้กลับคืนมาโดยเร็วที่สุด โดยปัญหาเฉพาะหน้าที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือการช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้มีขวัญกำลังใจและความเชื่อมั่น รวมทั้งการพลิกฟื้นสภาพชีวิตความเป็นอยู่กลับคืนมาโดยเร็ว
สำหรับการช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยในเบื้องต้น ส.อ.ท. และสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ได้บริจาคเบื้องต้นเป็นมูลค่ากว่า 6,300,000 บาท แบ่งเป็นเงินและสิ่งของที่จำเป็น ดังนี้ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานีบริจาคโลงศพ ,สภาอุตสาหกรรมจังหวัดกระบี่บริจาคอาหาร น้ำดื่ม ,บริษัท สหฟาร์ม จำกัด บริษัทแปซิฟิคแปรรูปสัตว์น้ำ จำกัด บริษัท เจียเม้ง จำกัด ร่วมบริจาคผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปและอาหารพร้อมรับประทาน รวมมูลค่าประมาณ 4 ล้านบาท มูลนิธิพัฒนาอุตสาหกรรม คณะกรรมการ และสมาชิกสภาอุตสาหกรรม บริจาคเป็นเงินจำนวน 2,500,000 บาท ส่วนเครือซิเมนต์ไทยฯ ได้แสดงความจำนงที่จะบริจาคเงินช่วยเหลืออีกไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้รวบรวมสิ่งของแล้ว และจะเร่งประสานกับกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อจัดส่งไปยังพื้นที่ให้เร็วที่สุด
ด้านนายสันติ วิลาสศักดานนท์ รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า อุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าวจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างแน่นอน และคงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูสภาพให้กลับคืนมา แต่โดยภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวคาดว่าไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากประเทศไทยก็ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมาย รองลงมาคือ อุตสาหกรรมอาหารทะเล เนื่องจากผู้ประกอบการประมงในบริเวณดังกล่าวได้รับความเสียหายอย่างมาก ซึ่งคงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือนในการฟื้นฟูธุรกิจดังกล่าว แต่ในส่วนของอุตสาหกรรมก่อสร้างจะได้รับผลดีจากโครงการต่างๆที่จะเกิดขึ้นตามมา
ทั้งนี้ ต้องการให้รัฐบาลเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ทันที โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการคลังของประเทศ เพราะขณะนี้เงินสำรองของประเทศมีอย่างเพียงพอ ซึ่งการช่วยเหลือประชาชนให้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้เร็วเท่าใด ก็ยิ่งทำให้สามารถฟื้นฟูสภาพทางธุรกิจให้กลับมาได้เร็วเท่านั้น ทั้งนี้รัฐบาลก็จะต้องให้ความสำคัญกับการติดตั้งระบบเตือนภัยในแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ให้มากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ