กรุงเทพฯ--2 เม.ย.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสกรณ์
นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิดงาน “121 ปี เกษตรไทย สร้างครัวโลก” ณ บริเวณหน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บนถนนราชดำเนินนอก ว่า ในโอกาสครอบรอบปีที่ 121 และจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 122 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังคงน้อมนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวใส่เกล้า ที่ทรงเน้นการพัฒนาคนเป็นตัวตั้ง ยึดหลักผลประโยชน์ของปวงชน และการมีส่วนร่วมตัดสินใจของประชาชน มาเป็นหลักวิธีคิดในการปฏิบัติราชการ เพื่อแก้ไขปัญหาของภาคการเกษตร โดยเฉพาะเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรดินและน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัด ให้สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และการจัดโซนนิ่งซึ่งรัฐบาลเร่งรัดดำเนินงานขณะนี้ เพื่อให้เกษตรกรสามารถผลิตสินค้าเกษตรที่เหมาะสมกับคุณภาพดินและน้ำที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ อันจะส่งผลให้เกิดเสถียรภาพด้านราคา อุปสงค์และอุปทานในอนาคตมีความสมดุล ควบคู่ไปกับการพัฒนาเกษตรกรสู่ Smart Farmer ให้มีความสามารถในการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อการผลิตสินค้าเกษตรและอาหารที่มีความปลอดภัยต่อการบริโภคในระดับสากล
สำหรับกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในโอกาสวันสถาปนากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “121 ปี เกษตรไทย สร้างครัวโลก” ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม — 2 เมษายน ที่ ตั้งแต่สี่แยก จปร. ถึงบริเวณเชิงสะพานผ่านฟ้านั้น มีกิจกรรมการจัดงาน 3 ส่วนด้วยกัน ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 การจัดทำนิทรรศการแสดงถึงกระบวนการจัดการฐานทรัพยากรการผลิตการเกษตร ตั้งแต่น้ำและดิน ยุทธปัจจัยการผลิต การวิจัยค้นคว้าพันธุกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงระบบการผลิตจากฐานคิดเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้ผู้เข้าชมเข้าใจถึงความสำคัญของแต่ละภาคส่วนที่มารวมกัน เพื่อสร้างศักยภาพภาคเกษตรกรรม ส่วนที่ 2 เป็นการสร้างโอกาสบนชุดความรู้ นำความรู้จากเกษตรกรถึงประชาชน โดยการเปิดการเรียนการสอนอาชีพพื้นฐานโดยการแปรรูปผลิตผลการเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่า เช่น การทำหมูทุบระดับโกอินเตอร์ การปรุงสมุนไพรเป็นยาและเครื่องสำอาง อย่างลูกประคบ แชมพู สบู่อาบน้ำ จากหมอยาปราชญ์ชาวบ้าน การทำทองหยอด ฝอยทอง การสานตะกร้า ซึ่งทั้งหมดนี้สอนฟรีเรียนฟรี มีของติดมือกลับบ้าน
สำหรับส่วนที่ 3 ถือเป็นอีกไฮไลท์หนึ่งของการจัดงานครั้งนั้น เป็นการยกผลผลิตการเกษตรจากเกษตรกรมาเปิดตลาด นำสินค้าเกษตรปลอดภัย เกษตรอินทรีย์ และสินค้ามาตรฐานระดับส่งออก ซึ่งนอกจากความหลากหลายของสินค้าเกษตรที่จะมีมาให้เลือกชิม เลือกซื้อแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือ ผู้เข้าชมงานจะมีโอกาสได้รู้ว่าประเทศไทยมีศักยภาพการผลิตสู่การเป็นครัวของโลก และมีแนวทางการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง