กรุงเทพฯ--5 เม.ย.--Porsche Centre
สตุ้ดการ์ด. ปี 2012 ถือได้ว่าเป็นปีที่ปอร์เช่ประสบความสำเร็จที่สุดในเรื่องของยอดขายและผลกำไรในการดำเนินงาน โดยปอร์เช่มียอดขายรถรวมสูงถึง 143,096 คัน ซึ่งถือได้ว่าสูงกว่าปีที่ผ่านมาถึง 22% เลยทีเดียว ยอดผลกำไรที่ได้จากการทำธุรกิจสูงขึ้น 27% อยู่ที่ 13.9 พันล้ายยูโร ผลจากการดำเนินงานสูงขึ้น 19% คิดเป็น 2.44 พันล้านยูโร ไม่เพียงเท่านี้จำนวนพนักงานยังเพิ่มขึ้นถึง 17,502 อัตรา อีกทั้งบริษัทยังเพิ่มจำนวนพนักงานฝึกหัดให้เพิ่มขึ้นจากเดิม 100 อัตราเป็น 125 อัตราเพื่อเข้าร่วมฝึกอบรมกับปอร์เช่
Matthias M?ller ประธานบริหารและสมาชิกบอร์ดบริหารของปอร์เช่ เอจี ในเยอรมนี ได้กล่าวไว้ในการแถลงข่าวประจำปีที่ สตุ้ดการ์ดว่า “โรงงานผลิตรถสปอร์ตต่างได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป แต่ปอร์เช่สามารถผ่านแรงกดดันนี้มาได้และยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ปี 2012 เป็นปีที่ปอร์เช่ประสบความสำเร็จที่สุดและต้องบันทึกไว้เป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของบริษัท สำหรับความสำเร็จของปอร์เช่นี้ได้มาจากหลายๆ ตลาดทั่วโลก รวมไปถึงการ เปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ ออกมาสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมานั้นเราได้นำเสนอรถสปอร์ตที่น่าหลงใหลออกมาหลากหลายรุ่นด้วยเช่นกัน”
Lutz Meschke ผู้บริหารสูงสุดทางด้านการเงินได้กล่าวสมทบว่า “การลงทุนที่มั่นคงและผลกำไรที่งดงามคือสิ่งสำคัญของบริษัท” ปอร์เช่สามารถสร้างผลตอบแทนจากยอดขายได้สูงถึง 18% “ด้วยจุดยืนที่มั่นคงและการจัดการการลงทุนอย่างระมัดระวัง ทำให้เราสามารถมั่นใจได้อีกว่าในปี 2013 จะกลายมาเป็นอีกปีที่ประสบความสำเร็จได้ และเราหวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าปีที่ผ่านมาอีกด้วย”
สภาพคล่องสุทธิหมายถึงการมีหนี้สินโดยรวมในระดับที่น้อยซึ่งไม่รวมถึงการให้บริการทางการเงินเป็นไปในทางที่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน นั่นคือจาก -2.58 พันล้านยูโร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2011 เป็น -1.87 พันล้านยูโร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2012 ดังนั้นจะเห็นได้ว่าปอร์เช่ได้ขยับเข้ามาใกล้กับเป้าหมายระยะกลางที่จะทำการลดระดับหนี้สินในขณะที่การเติบโตทางธุรกิจมากขึ้นจากเงินหมุนเวียนที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ปี 2012 ที่ผ่านมา อัตราการเติบโตที่สูงที่สุดคือรุ่น 911 ซึ่งได้เปิดตัวเจเนอเรชั่นใหม่ออกมาให้กลายมาเป็นไอคอนของรถสปอร์ตและได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างล้นหลามด้วยยอดขายที่สูงขึ้นถึง 49% เป็น 26,203 คัน ส่วนคาเยนน์ (Cayenne) นั้นยังร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง และมียอดขายที่สูงที่สุดที่ 77,822 คัน (เพิ่มมากขึ้น 30%) ส่วนรุ่นเครื่องยนต์วางกลางก็สามารถทำตลาดได้ดีเช่นกันโดยเติบโตขึ้น 4% เป็น 11,740 คัน โดย 10,126 คันมาจากรุ่นบ็อกซเตอร์ (Boxster) ที่ได้รับการเปิดตัวไปในเดือนมีนาคม 2012 ซึ่งถือได้ว่าเป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 66% ที่เหลือเป็นยอดของเคย์แมน (Cayman) เจเนอเรชั่นเดิมอยู่ที่ 1,614 คัน เคย์แมน (Cayman) เจเนอเรชั่นใหม่ได้ถูกส่งออกมาสู่ตลาดอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2013 ที่ผ่านมา ส่วนอีกหนึ่งรุ่นคือพานาเมร่า (Panamera) มียอดขายที่ 27,331 คัน
ตลาดต่างๆ ในหลายภูมิภาคต่างเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ตลาดในอเมริกาเหนือมียอดขายที่สูงขึ้นถึง 34% คิดเป็น 39,192 คัน ส่วนประเทศจีน (รวมฮ่องกง) เติบโตขึ้นรองลงมาโดยมียอดขายที่ 33,590 คันคิดเป็น 32% ไม่เพียงเท่านี้ตลาดในเยอรมนียังเติบโตขึ้นถึง 16% โดยมียอดขายที่ 16,090 คัน ตลาดรวมในยุโรป (ไม่รวมเยอรมนี) เติบโตขึ้น 8% คิดเป็น 31,094 คัน ส่วนตลาดอื่นๆ ทั่วโลกมียอดขายที่เพิ่มขึ้น 19% ซึ่งอยู่ที่ 23,130 คัน
ยอดการผลิตในปี 2012 เพิ่มขึ้นเป็น 19% โดยมียอดผลิตที่ 151,999 คัน โดยเป็นยอดผลิตของ 911 ที่ 28,419 คัน (เพิ่มขึ้น 31%) ยอดผลิตของคาเยนน์ (Cayenne) เพิ่มขึ้นเป็น 83,208 คัน (เพิ่มขึ้น 34%) และพานาเมร่า (Panamera) มียอดผลิตที่ 27,056 คัน (ลดลง 15%) บ็อกซเตอร์ (Boxster) มียอดผลิตที่ 13,316 คัน (เพิ่มขึ้น 9%)
บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรง พร้อมให้บริการรถปอร์เช่ของท่าน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ ได้ที่ แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-103 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th
Porsche Centre Bangkok PR
Public Relations and Media
กมลทิพย์ ศักดิ์สมานชัย
Phone: +66 2 522 6655 ext. 448
E-mail: kamonthip@porsche.co.th