กรุงเทพฯ--5 เม.ย.--โรงพยาบาลกรุงเทพ
ศูนย์บริการฉุกเฉินเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ Bangkok Emergency Services (BES) เปิดเผยตัวเลขสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วงปีใหม่ ประจำวันที่ 2 ม.ค. 2556 พบว่า เกิดอุบัติเหตุ 293 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 34 ราย ผู้บาดเจ็บ 293 คน ในขณะที่ในช่วงสงกรานต์ปี 2555 พบว่า เกิดอุบัติเหตุ 3,129 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 320 ราย ผู้บาดเจ็บ 3,320 คน (ที่มา : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) โดยเฉพาะในช่วง 7 วันอันตรายที่มักมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากกว่าปกติ ทั้งนี้ หน่วยงานภาพรัฐ รวมถึงหน่วยบรรเทาสาธารณภัยต่าง ๆ มีนโยบายมุ่งลดปัญหาดังกล่าว
นพ.กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล รองประธานคณะผู้บริหารศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพ พร้อมด้วยนายอัฐ ทองแตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเครือโรงพยาบาลพญาไท และเครือโรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล, นพ.สมชาย จันทร์สว่าง รองประธานคณะผู้บริหารกลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช และโรงพยาบาลบีเอ็นเอช และนพ.อัญฤทธิ์ แสงจรัสวิชัย ผู้อำนวยการฝ่ายแพทย์ฉุกเฉินเครือข่าย เครือโรงพยาบาลกรุงเทพ ร่วมหารือเรื่องการเตรียมความพร้อมทีมแพทย์ฉุกเฉินในการให้บริการประชาชนรับช่วง 7 วันอันตรายในเทศกาลสงกรานต์ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม2556 ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ
นพ.กฤตวิทย์ กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุก ๆ ปี คนทั่วประเทศจะมีความสุขรับเทศกาล แต่จะมีบางกลุ่มที่ต้องเป็นทุกข์ เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความสูญเสีย ทั้งนี้สาเหตุที่เกิดขึ้นมักเกิดจากสภาพถนน ยานพาหนะ และสิ่งสำคัญที่สุดคือ ผู้ขับขี่ จึงควรมีความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นทางเครือโรงพยาบาลกรุงเทพจึงเปิดให้บริการศูนย์บริการฉุกเฉินเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ Bangkok Emergency Services (BES) พร้อมประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลภาครัฐหลายแห่ง และสร้างเครือข่ายกับโรงพยาบาลภาคเอกชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 13 แห่ง ได้แก่ รพ.กรุงเทพ รพ.กรุงเทพพระประแดง สมุทรปราการ รพ.บีเอ็นเอช รพ.สมิติเวช สาขาสุขุมวิท สาขาศรีนครินทร์ สาขาธนบุรี รพ.เปาโลเมโมเรียล สาขาพหลโยธิน สาขาโชคชัย 4 สาขานวมินทร์ สาขาสมุทรปราการ รพ.พญาไท 1 รพ.พญาไท 2 รพ.พญาไท 3 เนื่องจากเครือโรงพยาบาลกรุงเทพมีความห่วงใย และตระหนักดีว่าเวลาเพียงเสี้ยววินาทีนั้นมีค่ามากสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการการรักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วนเพื่อรักษาชีวิต
นายอัฐ กล่าวว่า ทางศูนย์บริการฉุกเฉินเครือโรงพยาบาลกรุงเทพได้จัดฝึกอบรมหลักสูตรพยาบาลฉุกเฉินและพนักงานฉุกเฉินให้เจ้าหน้าที่ในเครือรพ.กรุงเทพทั่วประเทศ รวมทั้ง รพ.ของรัฐบาลบางแห่ง และโรงพยาบาลพันธมิตรอื่น ๆ ได้เข้าอบรม และจัดหลักสูตรพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ให้หน่วยงานภาครัฐและมูลนิธิต่าง ๆ ที่มุ่งเน้นการให้ความรู้ด้านระบบการบริหารการส่งต่อผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ และการช่วยชีวิตฉุกเฉินของพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ประจำรถของมูลนิธิที่ออกไปรับผู้บาดเจ็บก่อนนำส่ง รพ. ด้วย
ด้านนพ.สมชาย กล่าวต่อว่า มาตรฐานของทีมแพทย์ฉุกเฉินมีอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัยได้มาตรฐานสากลเปรียบเสมือน ICU เคลื่อนที่เพื่อมุ่งสู่มาตรฐานการแพทย์สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นมาตรฐานขั้นสูงเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีแพทย์เฉพาะทางด้านฉุกเฉิน (แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน) ประจำรถพยาบาลทุกคัน ทุกครั้งที่ออกให้บริการ
นพ.อัญฤทธิ์ กล่าวเสริมว่า รถทีมแพทย์ฉุกเฉินจะใช้ระบบ GPS นำทางทุกคัน เพื่อให้การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยมีความรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น เพราะสามารถระบุพิกัดหรือตำแหน่งของตัวรถขณะอยู่บนถนน ทำให้เลือกเส้นทางที่ใกล้ที่สุด และหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดได้ และจากปัญหาการจราจรที่ติดขัดจึงมี BES Motorlance มอเตอร์ไซต์การแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อไปปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนที่รถพยาบาลฉุกเฉิน BES จะเข้ามารับผู้ป่วย และยังมีบริการของทีมแพทย์ฉุกเฉินทางเรือ Hydrolance ทางเฮลิคอปเตอร์การแพทย์ฉุกเฉิน (Sky ICU) และทางเครื่องบินการแพทย์ฉุกเฉิน Air Ambulance อีกด้วย เพื่อเตรียมพร้อมการให้บริการฉุกเฉินอย่างเต็มที่
“ทั้งนี้เครือโรงพยาบาลกรุงเทพได้ตั้งศูนย์สั่งการฉุกเฉินเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ BES Dispatch โทร 02-716-9999 รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ตรวจสอบว่าโรงพยาบาลแห่งไหนใกล้ผู้ป่วยมากที่สุด และทำหน้าที่ให้คำแนะนำในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนรถพยาบาลฉุกเฉิน BES จะไปถึง สำหรับศูนย์บริการฉุกเฉินเครือโรงพยาบาลกรุงเทพจะคิดค่าใช้จ่ายในการรับส่งผู้ป่วยกรณีฉุกเฉินด้วยรถพยาบาลฉุกเฉิน BES ครั้งละ 1,000 บาท (วันนี้ — 30 เมษายน 2556) โดยให้บริการในเขตกรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรีและสมุทรปราการ ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปสามารถลงทะเบียนระบุตำแหน่งพิกัดบ้านของตนเองได้ที่ รพ. ในเครือทั้ง 13 แห่ง หรือส่งข้อมูลมาที่ e-mail : bmcbes@bgh.co.th ระบุข้อมูล คือ ชื่อ นามสกุล เลขที่บัตรประชาชน ที่อยู่ปัจจุบัน เลขละติจูด และลองติจูด เบอร์โทรศัพท์ โดยขณะนี้มีผู้ที่ลงทะเบียนแล้วกว่าหมื่นคน และรับบริการแล้ว 300 กว่าคน สำหรับเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ขอให้ประชาชนเดินทางด้วยความระมัดระวัง เพื่อความปลอดภัยของท่านและเพื่อนร่วมทางด้วย” นพ.อัญฤทธิ์ กล่าว