กรุงเทพฯ--10 เม.ย.--กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งจังหวัดขอนแก่น พร้อมเป็นประธานเปิดโครงการศึกษาเพื่อพัฒนา แหล่งน้ำบาดาลพุในพื้นที่ลุ่มน้ำชีตอนกลางอย่างยั่งยืน และส่งมอบระบบนำร่องการพัฒนาน้ำบาดาลพุ เพื่อการเกษตร ณ บ้านอ้อคำ ตำบลกระนวน อำเภอซำสูง จังหวัดขอนแก่น ช่วยให้เกษตรกรมีแหล่งน้ำ ทำการเกษตรได้ตลอดปี
วันที่ 6 เมษายน 2556 นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง ณ จังหวัดขอนแก่น ในโอกาสนี้ ได้เป็นประธานเปิดโครงการศึกษาเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลพุในพื้นที่ลุ่มน้ำชีตอนกลางอย่างยั่งยืน และส่งมอบระบบนำร่อง การพัฒนาน้ำบาดาลพุเพื่อการเกษตรแก่ประชาชนผู้ใช้น้ำในพื้นที่บ้านอ้อคำ ตำบลกระนวน อำเภอซำสูง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งโครงการดังกล่าวเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2553 โดย กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้สำรวจ ศึกษา และพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลพุ ขึ้นมาใช้ประโยชน์ ด้วยความร่วมมือของเกษตรกรในหลายๆ พื้นที่ เพื่อศึกษาศักยภาพ ของแหล่งน้ำบาดาลพุในการเป็นแหล่งน้ำเสริม เพื่อทำการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง
สำหรับการนำร่องพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลพุเพื่อการเกษตรที่บ้านอ้อคำ ตำบลกระนวน อำเภอซำสูง จังหวัดขอนแก่น ครอบคลุมเนื้อที่รวม 572 ไร่ 1 งาน 33 ตารางวา สามารถช่วยให้เกษตรกรกว่า 290 ครัวเรือน ไม่ขาดแคลนแหล่งน้ำและสามารถทำการเกษตรได้ตลอดปี โดยมีการจัดตั้งกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำบาดาลพุ บ้านอ้อคำ และคณะกรรมการกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำบาดาลพุ เพื่อบริหารจัดการแหล่งน้ำด้วยตนเอง รวมถึงมี การต่อยอดวางระบบกระจายน้ำเพื่อทำการเกษตร ซึ่งผลสำเร็จของโครงการฯ สามารถยืนยันถึงประโยชน์ ในการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลพุ ทั้งในแง่ของการแก้ปัญหาภัยแล้ง และการประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างดี
นายสุพจน์ เจิมสวัสดิพงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดเผยว่า บ่อน้ำบาดาลพุ เป็นบ่อน้ำบาดาล ที่น้ำไหลออกมาเองโดยไม่ต้องใช้เครื่องสูบน้ำ ซึ่งแหล่งน้ำบาดาลพุเกิดจากสภาพอุทกธรณีวิทยาเฉพาะแห่งที่ทำให้ ชั้นหินกักเก็บน้ำบาดาลอยู่ภายใต้แรงดัน หรือเรียกว่าชั้นน้ำบาดาลภายใต้แรงดัน และสำรวจพบว่ามีกระจายอยู่ทั่วไปในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครอบคลุมพื้นที่ทั้งในลุ่มน้ำมูล ชี และโขง ประมาณ 1.7 ล้านไร่ ระดับความสูงของน้ำที่พุขึ้นมา มีตั้งแต่ไหลล้นจากปากบ่อจนถึงระดับความสูงถึง 8 เมตร โดยทั่ว ๆ ไปมีปริมาณการไหล อยู่ระหว่าง 50 — 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน แต่ในพื้นที่บางแห่งที่มีรอยแตกขนาดใหญ่จะมีปริมาณการไหลมากกว่า 4,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ดังนั้น แหล่งน้ำบาดาลพุจึงเป็นแหล่งน้ำที่ควรจะพัฒนาขึ้นมาใช้ประโยชน์ในการเกษตรและแก้ปัญหาภัยแล้งในระยะเผชิญเหตุ เนื่องจากเป็นแหล่งน้ำที่ให้ปริมาณน้ำมาก ไม่ต้องเสียพลังงานในการสูบน้ำ และสามารถต่อยอดในการวางระบบกระจายน้ำเพื่อทำการเกษตรได้
ทั้งนี้ นอกจากพื้นที่นำร่องบ้านอ้อคำแล้ว พบว่า ยังมีอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศที่มีศักยภาพ น้ำบาดาลพุ และสามารถนำน้ำมาใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้ เช่น บ้านสันเจริญ อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน บ้านพุเตย อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี บ้านปากแพรก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช และบ้านหนองแวงน้อย อำเภอหนองสองห้อง จังหวัดขอนแก่น เป็นต้น ซึ่งในแต่ละพื้นที่ดังกล่าวจำเป็นต้อง มีการศึกษาโดยละเอียดต่อไป