กรุงเทพฯ--10 เม.ย.--มีเดีย แอสโซซิเอตเต็ด
ธนาคารไทยพาณิชย์โชว์ผลงานเยี่ยม โชว์กำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 4 หมื่นล้าน ครองตำแหน่งธนาคารแห่งปี 2556 ธนาคารกรุงเทพควงคู่ธนาคารกสิกรไทยนั่งแท่นอันดับ 2 เผยธนาคารพาณิชย์รับอานิสงส์เศรษฐกิจขยายตัวแกร่งทำกำไรรวมกว่า 1.7 แสนล้าน
การเงินธนาคาร ฉบับเดือนเมษายน 2556 ประกาศผลการจัดอันดับ ธนาคารแห่งปี 2556 หรือ Bank of the Year 2013 โดยใช้ผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ 15 แห่ง ในรอบปี 2555 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม- 31 ธันวาคม 2555 มาพิจารณาจัดอันดับ ปรากฏว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ครองแชมป์ธนาคารแห่งปี 2556
ปีนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ ก้าวขึ้นมาเป็นธนาคารแห่งปี 2556 ด้วยผลงานยอดเยี่ยม โดยสามารถสร้างผลกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์และสูงที่สุดในระบบธนาคารพาณิชย์ จำนวน 40,219.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.9% และมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) สูงเป็นอันดับ 1 ที่ 28.76%
ทั้งนี้ ตลอดทั้งปี 2555 ธนาคารไทยพาณิชย์มีผลกำไรไตรมาสละกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการขยายตัวของสินเชื่อที่เติบโตขึ้นถึง 19.7% ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 22.9% ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยก็เพิ่มขึ้น 15.3% โดยมาจากรายได้จากค่าธรรมเนียม เบี้ยประกันชีวิต และรายได้จากการบริหารเงิน
ส่วนในปี 2556 ธนาคารมีนโยบายที่จะขับเคลื่อนกลยุทธ์ที่มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่การเป็นธนาคารครบวงจร (Universal Banking) เบอร์ 1 ของประเทศไทย โดยขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนผ่าน 6 กลยุทธ์หลักคือ 1. การขยายการเติบโตในกลุ่มธุรกิจลูกค้าบุคคล โดยแบ่งลูกค้าตามเซ็กเมนต์ ผ่านกลยุทธ์ Customer Centric 2. เพิ่มส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มธุรกิจลูกค้า SME โดยเน้นเจาะกลุ่มที่มียอดขาย 20-50 ล้านบาท
3. สร้างรากฐานในตลาดต่างประเทศเพื่อรองรับการขยายการลงทุนของลูกค้าทั้งขาเข้า และขาออก โดยจะเน้นขยายเข้าไปในกลุ่มอินโดไชน่า ได้แก่ ประเทศลาว กัมพูชา เวียดนาม และพม่า 4. ยกระดับงานสนับสนุน และปฏิบัติการ (Operation) ทั้งหมดของธนาคาร เพื่อรองรับปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น และให้บริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ 5. พัฒนาองค์ความรู้และทักษะ ของบุคคลากร อย่างเป็นระบบทั่วทั้งองค์กร และ 6.ยกระดับระบบ IT หลักและสาขา เพื่อรองรับปริมาณธุรกรรมจำนวนมากได้ตลอดเวลา และเต็มศักยภาพ
สำหรับ อันดับที่ 2 ในปีนี้ มีธนาคาร 2 แห่งที่ได้ครองอันดับร่วมกัน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกสิกรไทย
โดยผลการดำเนินงานของ ธนาคารกรุงเทพ ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในปี 2555 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 33,021.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.8% มีกำไรสุทธิต่อหุ้นสูงเป็นอันดับ 1 จำนวน 17.30 บาท รวมทั้งมีมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (Book Value) สูงสุดที่ 143.30 บาท
สำหรับแผนธุรกิจในปี 2556 ธนาคารจะมุ่งดำเนินการเพื่อเป็นที่หนึ่งในตลาดในด้านต่างๆ และสร้างความได้เปรียบจากโอกาสทางธุรกิจที่เปิดขึ้น โดยจะใช้เครือข่ายสาขาในต่างประเทศที่มีอยู่ 26 แห่ง และสำนักงานตัวแทนอีก 1 แห่งที่ครอบคลุมเขตเศรษฐกิจสำคัญ 13 แห่ง สนับสนุนลูกค้าที่ต้องการไปลงทุน และทำธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเอเชียและอาเซียน ด้วยการให้คำปรึกษาแนะนำในการลงทุน การค้า การให้บริการทางการเงินในด้านต่างๆ นับเป็นจุดเด่นของธนาคารในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ในขณะที่เอเชียและเศรษฐกิจโลกกำลังรวมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
ด้าน ธนาคารกสิกรไทย ก้าวขึ้นจากอันดับ 3 มาอยู่ในอันดับ 2 ในปีนี้ โดยมีรายได้สูงเป็นอันดับ 1 รวม 177,896.47 ล้านบาท มีอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) และอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) สูงเป็นอันดับ 1 ที่ 2.58% และ 20.76% ตามลำดับ ซึ่งในปี 2556 ธนาคารได้กำหนดกลยุทธ์ธุรกิจ ภายใต้ยุทธศาสตร์การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centricity) เพื่อมุ่งสู่การเป็นธนาคารหลักของลูกค้าทุกกลุ่ม นอกจากนี้ ธนาคารยังตั้งเป้าหมายรุกตลาดต่างประเทศด้วยการเป็น เอเชี่ยน แบงก์ (Asian Bank) โดยมีการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมธุรกิจต่างประเทศเพื่อให้ข้อมูลคำแนะนำด้านการค้าการลงทุนในประเทศไทยและกลุ่มอาเซียน และเป็นสื่อกลางในการจัดกิจกรรมจับคู่พันธมิตรทางธุรกิจ
อันดับ 4 ยังคงเป็นของ ธนาคารกรุงไทย เช่นเดียวกับปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิ 23,527.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.4% ทั้งนี้ ในปี 2556 ธนาคารได้วางกลยุทธ์หลักๆ โดยเน้นการสร้างรายได้ที่มั่งคง โดยกระจายแหล่งที่มาของรายได้และกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย เข้าใจความต้องการทางธุรกิจของลูกค้า สามารถต่อยอดธุรกิจและรักษาฐานลูกค้ารายเก่า รวมทั้งขยายฐานลูกค้ารายใหม่
ส่วน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ก้าวขึ้นจากอันดับ 8 มาอยู่อันดับ 5 ในปีนี้ โดยมีกำไรสุทธิ 14,625.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 57.7% โดยในปี 2556 ธนาคารมุ่งเน้นทางธุรกิจใน 4 ด้าน ได้แก่ 1.วิสัยทัศน์ทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ โดยนำเสนอบริการทางการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ 2.Big Bang โดยให้น้ำหนักกับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ธนาคารให้ความสำคัญ ด้วยเงินลงทุนที่มากขึ้น 3.การขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาค โดยมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียน (AEC) และ 4.การขยายฐานลูกค้าเข้าสู่กลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน
ธนาคารเกียรตินาคิน ก้าวขึ้นจากอันดับ 7 มาอยู่อันดับ 6 ในปีนี้ โดยมีกำไรสุทธิ 3,391.29 ล้านบาท ซึ่งภายใต้กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อรวมจะเติบโตที่ 19% พร้อมผนึกกำลังกับบริษัททุนภัทร บล.ภัทร บล.เกียรตินาคิน และ บลจ.เกียรตินาคิน ให้บริการทางธุรกิจหลักทรัพย์และการลงทุนอย่างครบวงจร ส่วน ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ปีนี้อยู่ในอันดับ 7 หล่นจากอันดับ 6 เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งธนาคารยังคงให้ความสำคัญแก่การรักษางบดุลทางการเงินให้เข้มแข็ง โดยมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) สูงเป็นอันดับ 1 ที่ 17.62% และมีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อสูงเป็นอันดับ 1 ที่ 5.83%
สำหรับ ธนาคารทิสโก้ ร่วงมาอยู่อันดับ 8 จากอันดับ 5 เมื่อปีที่แล้ว แต่ยังสามารถรักษาอัตราค่าใช้จ่ายต่อรายได้ไว้ที่ 24.44% ซึ่งต่ำที่สุดในระบบธนาคารพาณิชย์ ซึ่งในปี 2556 ธนาคารได้กำหนดแผนกลยุทธ์องค์กร โดยมุ่งเน้นใน 4 เรื่องหลักคือ 1. การขยายช่องทางการจำหน่าย 2. การพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพ 3.การสร้าง แบรนด์ และรักษาภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร และ 4. การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
ด้าน ธนาคารธนชาต ยังคงรักษาอันดับ 9 ไว้ได้อีกในปีนี้ โดยมีกำไรสุทธิ 8,220.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.8% สำหรับนโยบายของธนาคารในช่วงปี 2556 ธนาคารมีความมุ่งมั่นที่จะให้บริการทางการเงินที่ครบวงจร ด้วยคุณภาพที่ดีเลิศ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม สำหรับอันดับ 10 ตกเป็นของ ธนาคารยูโอบี โดยก้าวขึ้นจากอันดับ 13 เมื่อปีที่แล้ว โดยในปี 2556 นี้ธนาคารก็จะยังคงลงทุนและเติบโตตามความมุ่งมั่นที่มีต่อประเทศไทยในระยะยาว และยังคงยึดมั่นในหลักจริยธรรมทางการเงิน
ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ปีนี้ครองอันดับ 11 ก้าวขึ้นจากปีที่แล้วที่อยู่ในอันดับ 12 โดยในปี 2556 ธนาคารยังคงมุ่งเน้นการทำหน้าที่เป็นธนาคารทางเลือกเพื่อเข้าไปช่วยเติมเต็มและตอบสนองทุกความต้องการด้านการเงินให้กับลูกค้า ส่วน ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) ก้าวขึ้นจากอันดับ 14 เมื่อปีที่แล้วขึ้นมาอยู่อันดับ 12 ในปีนี้ โดยแผนธุรกิจปี 2556 ธนาคารจะโฟกัสใน 3 กลุ่มธุรกิจคือ 1. ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับจีน 2.ธุรกิจภายในประเทศ ทั้งธุรกิจ สินเชื่อรายใหญ่ SME รวมถึงธุรกิจเช่าซื้อ และ 3. ธุรกิจระหว่างประเทศ ได้แก่ กลุ่มลูกค้าธุรกิจนำเข้า-ส่งออก โดยอาศัยจุดแข็งของกลุ่ม ICBC ที่มีเครือข่ายทั่วโลก
ด้าน ธนาคารทหารไทย หรือ ทีเอ็มบี หล่นจากอันดับ 10 มาอยู่อันดับ 13 ในปีนี้ ซึ่งในปี 2556 ธนาคารตั้งเป้าขยายสินเชื่อ 10-15% และขยายเงินฝาก 10-12% โดยในส่วนของธุรกิจรายย่อย จะเพิ่มจำนวนลูกค้าที่ Active 15% สำหรับลูกค้า SME ตั้งเป้าเติบโต 35-40% ส่วนลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดเป็น 15% ภายในปี 2560 ส่วน ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ยังคงอยู่ในอันดับ 14 เช่นเดียวกับปีที่แล้ว โดยธนาคารได้ตั้งเป้าหมายธุรกิจในปี 2556 ที่จะต้องเพิ่มปริมาณเงินฝากและรายได้ค่าธรรมเนียมในทุกกลุ่มธุรกิจ รวมทั้งขยายฐานลูกค้ารายย่อย โดยการเข้าถึงลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ ด้วยการใช้กลยุทธ์ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
สำหรับอันดับ 15 ยังคงเป็นของ ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย โดยในปี 2556 ธนาคารยังคงมุ่งที่จะเป็นธนาคารที่มี “กลุ่มเป้าหมายชัดเจนในตลาดที่การแข่งขันไม่รุนแรง (Focus Bank)” เพื่อสนองตอบกลุ่มลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าถึงสถาบันการเงิน โดยเน้นการให้บริการ “สินเชื่อคนค้าขาย” เพื่อหมุนเวียน ขยายหรือต่อยอดกิจการ
ผลการจัดอันดับธนาคารแห่งปี2556
อันดับ ธนาคาร อันดับ ธนาคาร
1 ธ.ไทยพาณิชย์ 9 ธ.ธนชาต
2 ธ.กรุงเทพ 10 ธ.ยูโอบี
2 ธ.กสิกรไทย 11 ธ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
4 ธ.กรุงไทย 12 ธ.ไอซีบีซี (ไทย)
5 ธ.กรุงศรีอยุธยา 13 ธ.ทหารไทย
6 ธ.เกียรตินาคิน 14 ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย
7 ธ.สแตนดาร์ชาร์เตอร์ด(ไทย) 15 ธ.ไทยเครดิตเพื่อรายย่อย
8 ธ.ทิสโก้