กรุงเทพฯ--12 เม.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล.โกลเบล็ก มองดัชนีตลาดหุ้นยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ เหตุ ยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาหนุน ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังคงกดดันการลงทุนต่อเนื่อง ด้าน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “ ธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ” แนะหาจังหวะเลือกลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐาน - ทองคำ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง เชื่อการประกาศงบกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ดึงตลาดหุ้นกลับมาคึกคักได้ ส่วน “ จักรกริช เจริญเมธาชัย ” แนะลงทุนหุ้น AIT, SCP , TASCO , MBK , AMATA
นายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด (GBS) เปิดเผยถึงแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ ยังคง แกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ ซึ่งเป็นผลจาก หลายปัจจัย ที่ยังคงเป็นแรงกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทย อาทิ สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี , ทิศทางเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น รวมถึงวิกฤตการณ์เศรษฐกิจในยุโรป ที่ยังไม่คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้นมากนัก ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศไม่มีปัจจัยบวก เข้ามาเป็นแรงสนับสนุน ประกอบกับช่วงเดือนเมษายนนี้ เป็นช่วงเทศกาลวันหยุดต่อเนื่อง ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวเป็นแรงกดดันตลาด จนส่งผลให้เกิดแรงเทขายออกอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
“ ปัจจัยต่างๆที่เขามากดดันตลาด ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยขณะนี้ ทำให้วอลุ่มของตลาดหุ้นในช่วงระยะสั้นค่อนข้างเบาบาง ซึ่งถือเป็นช่วงขาลงของตลาด ขณะเดียกันมองว่า หากนักลงทุน ที่ต้องการเข้าล งทุน ก็แนะนำให้หาจังหวะการเลือกลงทุนในหุ้นที่เหมาะสม โดยเน้นหุ้นปัจจัยพื้นฐาน พร้อมทั้งแนะนำให้ปรับพอร์ตการลงทุน จากหุ้น มาลงทุนในทองคำ บางส่วน เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง ” นายธนพิศาล กล่าว
ขณะเดียวกัน ในช่วงกลางเดือนหน้า จะมีการทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส1/2556 โดยธนาคารพาณิชย์ จะเป็นบริษัทจดทะเบียนกลุ่มแรก ที่จะทยอยประกาศงบออกมา ซึ่งจากการประมาณการเบื้องต้นคาดว่ากลุ่มดังกล่าวจะมีผลการดำเนินงานที่ดี ซึ่งก็จะส่งผลต่อตลาดหุ้นในเชิงบวก และจะเกิดแรงหนุนในการซื้อกลับของกลุ่มนักลงทุน
ด้าน นายจักรกริช เจริญเมธาชัย กรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย มีแนวโน้มปรับตัวลงทดสอบจุดต่ำสุดเดิมที่ 1,465 ถึง 1,440 ในที่ผ่านมา ดังนั้นจึงว่าในระยะ สั้น ถึง กลาง ดัชนีมีแนวโน้มที่จะรีบาวด์ขึ้นได้
ดังนั้น ทางบล.จึงแนะนำ กลยุทธ์ พอร์ตเก็งกำไรระยะสั้น ให้เล่นรีบาวด์ ที่แนวรับ โดยนักลงทุนที่ลงทุนในพอร์ต ระยะ 3 เดือน ถึง 6 เดือน แนะรอดูแรงขาย ที่ระดับต่ำกว่า 3 หมื่น ล้านบาทต่อวัน ก่อนพิจารณาซื้อกลับ ในบริเวณแนวรับ 1,440-1,400 จุด
“ โดยส่วนตัวเชื่อว่า เม็ดเงินทุนต่างชาติยังคงไม่ออกไปยังตลาดอื่น และยังคงพักฐานอยู่ในตลาดไทย เพื่อรอจังหวะการเข้าซื้อรอบใหม่ โดยหุ้นที่แนะนำ ทางบล.แนะ บมจ. แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี ( AIT) , บมจ.ทักษิณคอนกรีต (SCP ), บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์ (TASCO ), บมจ. เอ็ม บี เค ( MBK) , บมจ. อมตะ คอร์ปอเรชัน ( AMATA) นอกจากนี้ที่มองว่าจะเป็น Top Picks ไตรมาส2/2556 และเก็งกำไร ธนาคารกรุงไทย (KTB) , บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) จากงบไตรมาส1/2556 ที่จะออกมาเติบโตโดดเด่น ” นายจักรกริช กล่าว