ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมแผนกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์เชิงรุก

ข่าวเทคโนโลยี Tuesday January 11, 2005 13:31 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ม.ค.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นายสุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2548 นี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เตรียมแผนกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เป็นเชิงรุกมากขึ้น โดยจะมีการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการตรวจจับการซื้อขาย (ALERT SYSTEM) และระบบการตรวจสอบการซื้อขาย (ATOMS) ให้ครอบคลุมพฤติกรรมนับแต่มีความผิดปกติของปริมาณ และราคาของหลักทรัพย์ โดยเน้นที่การส่งคำสั่งของเจ้าหน้าที่รับอนุญาตที่ไม่ เหมาะสม เพื่อให้สามารถยับยั้งการซื้อขายที่อาจเข้าข่ายการทำราคาและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ลงทุนทั่วไปได้อย่างทันการ
การพัฒนาระบบงานกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ จะเป็นการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้มีมาตรฐานเดียวกับระบบการกำกับซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศในแถบเอเซียและออสเตรเลีย พร้อมทั้งเพิ่มจำนวนบุคลากรและพัฒนาทักษะด้านการตรวจสอบ ให้กับบุคลากรด้านการตรวจสอบการซื้อขาย ให้ครอบคลุมตราสารและธุรกรรมใหม่ ๆ ในอนาคต รวมทั้ง จำนวนบริษัทจดทะเบียนที่จะเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งตามเป้าหมายที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ใหม่ ตั้งไว้ในปี 2548 นี้มีจำนวนรวม 90 บริษัท
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเน้นการป้องปรามให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะเน้นการทำงานใกล้ชิดกับบริษัท จดทะเบียนที่การซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทมีสภาพผิดปกติ รวมถึงบริษัทหลักทรัพย์และหรือผู้ลงทุนที่พบการซื้อขายน่าสังเกตว่าอาจเข้าข่ายการทำราคา หรือซื้อขายโดยอาจใช้ข้อมูลภายใน จากเดิมที่ตรวจสอบเพื่อนำส่งให้สำนักงานคณะกรรมการก.ล.ต.ดำเนินการตามกฎหมายเท่านั้น
“นอกจากการติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลที่อาจมีผลกระทบกับการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีการติดตามภาวะการซื้อขายอย่างใกล้ชิด ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงของราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติ หรือมีการกระจุกตัว หรือมีพฤติกรรมการผลักดันราคา พยุงราคา โดยจะทำการสอบถามไปยังบริษัทสมาชิกที่มี พฤติกรรมดังกล่าว และแจ้งให้บริษัทสมาชิกดูแลพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมดังกล่าว เพื่อเป็นการป้องปรามก่อนที่จะไปสู่การกระทำที่ผิดกฎหมายหรือข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ฯ
ทั้งนี้ หากตลาดหลักทรัพย์ฯ ตรวจพบว่าการซื้อขายมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างรุนแรง โดยไม่มีปัจจัยรองรับและมีแนวโน้มจะขยายตัวต่อเนื่อง ตลาดหลักทรัพย์ฯจะดำเนินการตามมาตรการการซื้อขายที่ผิดไปจากสภาพปกติของตลาดเช่น ห้าม Net Settlement หรือ ห้ามซื้อขายด้วย Margin ตามแนวทางที่กำหนดต่อไป” นายสุทธิชัยกล่าว
โดยในปี 2547 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตรวจสอบการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งพบความผิดปกติที่อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ เช่น การแพร่ข่าว การสร้างราคา หรือการใช้ข้อมูลภายในรวมทั้งสิ้น 11 เรื่อง และจากผลของการตรวจสอบหลักฐานในเบื้องต้นพบว่า 11 เรื่อง มีลักษณะของการซื้อขายที่อาจเข้าข่ายการกระทำผิดตามพรบ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้ส่งข้อมูลผลการตรวจสอบ ดังกล่าวต่อสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. เพื่อพิจารณา โดยในจำนวนนี้ เป็นความผิดเกี่ยวกับการแพร่ข่าว 1 เรื่อง การใช้ข้อมูลภายใน 7 เรื่อง และการสร้างราคา 3 เรื่องการตรวจสอบการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ผิดปกติและอาจเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ในปี 2547 เพิ่มมากขึ้นกว่าปี 2546 ถึง 6 เรื่อง โดยความผิดที่ตรวจพบเพิ่มขึ้น คือ ความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายโดยใช้ ข้อมูลภายใน” รองผู้จัดการกล่าว
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พิจารณาความผิดและลงโทษบริษัทสมาชิกและเจ้าหน้าที่รับอนุญาตกรณีไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดตลาดหลักทรัพย์ฯ รวม 95 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับการส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่เหมาะสม เช่น ส่งคำสั่งโดยไม่มีเจตนาให้เกิดการซื้อขาย และส่งคำสั่งในลักษณะผลักดันราคาหรือสร้างราคาจำนวน 91 ราย นอกจากนี้ยังพบการกระทำความผิดในลักษณะอื่นจำนวน 4 ราย เช่น การเปิดเผยรหัสประจำตัวเจ้าหน้าที่รับอนุญาตหรือ Trader ID. การใช้บัญชีลูกค้า การส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์เกินวงเงิน และการเผยแพร่งานวิเคราะห์หลักทรัพย์ของบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
จากการตรวจพบความผิดดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ภาคทัณฑ์บริษัทสมาชิกเป็นเวลา 1 ปี จำนวน 2 ราย และปรับจำนวน 2 ราย คิดเป็นเงิน 40,000 บาท ในส่วนเจ้าหน้าที่รับอนุญาต ได้มีการภาคทัณฑ์เป็นเวลา 1 ปีจำนวน 83 ราย ปรับจำนวน 7 ราย คิดเป็นเงิน 135,000 บาท และห้ามปฏิบัติหน้าที่ใด ๆ ในบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 1 เดือน จำนวน 1 ราย
นายสุทธิชัยกล่าวต่อว่า “ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้พิจารณาความผิดและลงโทษบริษัทสมาชิกและเจ้าหน้าที่การตลาดกรณีไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่อง การเรียกค่าธรรมเนียมในการเป็นนายหน้าหรือตัวแทนซื้อหรือขายหลักทรัพย์จดทะเบียนฯ โดยลงโทษปรับบริษัทสมาชิก 5 ราย คิดเป็นเงิน 6.68 ล้านบาท ภาคทัณฑ์เจ้าหน้าที่การตลาดเป็นเวลา 1 ปี จำนวน 4 ราย และห้ามปฏิบัติหน้าที่ใด ๆ ในบริษัทหลักทรัพย์เป็นเวลา 60 วัน จำนวน 5 ราย”
นอกจากนี้ ในปี 2547 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้กำกับดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์ให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว ทันการ และ ป้องกันไม่ให้เกิดสภาพที่อาจส่งผลเสียหายต่อระบบการซื้อขายโดยรวม โดยเข้าไปตรวจสอบและยับยั้งการซื้อขายที่มีพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การกระทำผิดตามข้อบังคับเรื่องมาตรการดำเนินการกรณีการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด พ.ศ. 2544
โดยได้สั่งห้ามบริษัทสมาชิกให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin Trading) จำนวน 2 ครั้ง และสั่งห้ามให้ลูกค้ากู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ และซื้อขายด้วยวิธีหักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายของหลักทรัพย์นั้น จำนวน 1 ครั้งเมื่อพบว่าสภาพการซื้อขายของหลักทรัพย์ใดหลักทรัพย์หนึ่ง มีแนวโน้มที่อาจส่งผลกระทบเสียหายต่อสภาพการซื้อขายโดยรวมอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหรือปริมาณการซื้อขายในหลักทรัพย์นั้นอย่างรุนแรงหรือมีการกระจุกตัวในหลักทรัพย์นั้นเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ ยังมีหนังสือให้สมาชิกลดวงเงินหรือห้าม Net Settlement และหรือห้าม Margin Trading กับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลจำนวน 2 ครั้ง เมื่อพบพฤติกรรมที่ทำให้เชื่อได้ว่าบุคคลใดหรือกลุ่มบุคคลใด ก่อให้เกิดการซื้อขายที่มีการ เปลี่ยนแปลงของราคาหรือปริมาณการซื้อขายในหลักทรัพย์อย่างรุนแรงหรือมีการซื้อขายอย่างกระจุกตัว
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร :
ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 - 2036 /
กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229 - 2037 /
ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 - 2049--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ