สรุปราคาซื้อขายทองคำและGold Futuresภายในประเทศ ณ วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 09.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 18, 2013 10:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 เม.ย.--เอ็มทีเอส โกลด์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,381เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,390 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 28.84 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,900 บาท กับ 19,000 บาท และกลับมาปิดที่ 18,850บาท กับ 18,950 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 9,698 คู่สัญญา แบบ 10บาท อยู่ที่ 21,504 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 10.4% แบบ 10 บาท ลดลง 11.2 % GFJ13ปิด19,070 บาท และ GFM13ปิด 19,130 บาท GF10J13ปิดที่ 19,070 บาท GF10M13ปิดที่ 19,140บาท สัญญา Comex ปิดลดลง 4.7 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,382.7 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญา Silver ลดลง 32.1เซนต์ ปิดที่23.307 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,134.79 ตัน (ขายออก 11.13 ตัน ) น้ำมัน NYMEX ลดลง2.04 ดอลลาร์ ปิดที่ 86.68 ดอลลาร์/ออนซ์ ดาวโจนส์ปิดลดลง 138.19 จุด ปิดที่ 14,618.59จุด ข่าวที่สำคัญ - เช้านี้ช่วงประมาณ 8 โมงเช้าราคาทองคำปรับตัวลดลงรุนแรงลงไป 37 เหรียญ จากระดับ $1,375 ลงไปทำจุดต่ำสุดที่ $1,338 เนื่องจากเมื่อคืนนี้ไปทดสอบ $1400 แล้วไม่สามารถฝ่าไปได้ ราคาทองคำได้รับแรงกดดันตลอดการซื้อขายตลาดนิวยอร์ก และตลาดซิดนีย์ และหลังจากที่ตลาดฮ่องกงเปิด ออเดอร์ 4,000 คู่สัญญา hit คำสั่ง stops ที่ระดับต่ำกว่า $1365 - การรายงานการเทขายทองคำของ SPDR จำนวน 11.13 ตัน ส่งผลให้ระดับการถือครองทองคำของ SPDRลงมาสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2010 ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 1134.79 ตัน ยิ่งเป็นตัวกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลดลง - รายงานการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจของเฟด 12 เขต หรือ Beige Book ที่มีการรวบรวมข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงเดือนก.พ. - เมษายน ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการฟื้นตัวต่อเนื่องในระดับปานกลาง แต่การใช้จ่ายผู้บริโภคยังมีอยู่อย่างจำกัดเนื่องจากผลกระทบของภาษีเงินเดือนและค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับอากาศหนาวเย็นและราคาปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้น สำหรับภาคการจ้างงานยังแข็งแกร่ง ตลาดภาคแรงงานยังทรงตัว ยอดขายเหรียญทองคำสหรัฐเมื่อวานนี้ยังมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 63,500 ออนซ์ หรือประมาณ 2 ตัน ซึ่งเป็นยอดขายในรอบ 1 วันเท่านั้น หากดูตลอดทั้งเดือนมียอดขายเหรียญทองคำ 147,000ออนซ์ หรือมากกว่า 2 เดือนที่ผ่านมารวมกัน - แรงซื้อจากฝั่งเอเชียได้เพิ่มค่า premium ในทองคำแท่งในสิงคโปร์สู่ระดับสูงสุดรอบ 18 เดือนอยู่ที่ 1.7ดอลลาร์ต่อออนซ์ - เทศกาลซื้อทองคำของอินเดีย (Akshaya Tritiya) จะเกิดขึ้นในเดือนหน้า และเทศกาลแต่งงานจะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงต้นเดือน มิ.ย. - ราคาทองที่ลดลงอาจจะลดการขาดดุลการค้าของอินเดีย ผ่อนคลายความกดดันเกี่ยวกับรูปี ลดความกังวลภาวะเงินเฟ้อ และกระตุ้นให้อาจเกิดการลดอัตราดอกเบี้ยได้อีก - ผู้ซื้อทองคำในจีนได้แห่กันซื้อทองคำในสัปดาห์นี้ ขณะที่ในฮ่องกงได้เข้าซื้อสร้อยคอทองคำ และในชาวอินเดียต่างเข้าซื้อเครื่องประดับทองคำเพื่อการแต่งงานที่จะจัดจนถึงเดือน ธ.ค. หลังราคาทองคำลดลงมากที่สุดในรอบกว่า 30 ปี - Bloomberg กล่าวว่าราคาทองคำที่ได้ลดลงอย่างมากที่สุดตั้งแต่ปี 1983 ในวันที่ 15 เม.ย. และทำให้ราคาเข้าสู้ภาวะตลาดหมี และสิ้นสุดการปรับตัวขึ้น 12 ปีติดต่อกัน ซึ่งปรับตัวลง 30% จากระดับสูงสุดเดือน ก.ย. ปี2011 - ยังคงมีความกังวลว่าประเทศอื่นๆ ในยูโรโซนจะขายทองคำตามไซปรัสเพื่อเพิ่มเงินทุน หลังจากรัฐมนตรีคลังไซปรัสออกมาคาดว่าจะขายทองคำในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า - ธนาคารกลางต่างๆเป็นผู้ขาดทุนรายใหญ่ที่สุด เนื่องจากถือครองทองคำรวมแล้ว 31,694.8 ตัน หรือ 19%ของทองคำในเหมืองทั้งหมด หรือคิดเป็น 5.6 แสนล้านดอลลาร์ จากข้อมูลของสภาทองคำโลก - ทางสำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ทองคำในรูปเงินบาทเมื่อวานนี้ปรับตัวลง 2,400 บาทต่อบาททองคำ ด้านผู้เชี่ยวชาญต่างๆ รวมถึง MTS Gold ได้เตือนถึงแนวโน้มขาลงที่จะยังมีต่อไป ส่วน Thailand Clearing House ประกาศว่าอาจจะเพิ่มเงินประกันรักษาบัญชีและเงินประกันเบื้องต้นสำหรับ Gold และ Silver Futuresซึ่งจะมีผลวันที่ 22 เม.ย. - รัฐสภาอิตาลีมีโอกาสที่จะเริ่มแก้ปัญหาชะงักงันทางการเมืองเวลา 8 สัปดาห์ในวันนี้ - ไอเอ็มเอฟยังเห็นว่ามีบริษัทที่มีหนี้สินที่ไม่ยั่งยืนบางส่วนในอียูประมาณ 20% และหนี้สินนี้อาจจะทำให้บริษัทลดเงินปันผลและขายสินทรัพย์ต่างๆ - ด้าน Merrill Lynch ได้ลดการคาดการณ์เป้าหมาย 2,000 เหรียญภายในปี 2014 และเตือนว่าราคา ทองอาจจะลดลงอีก 150 เหรียญสู่ระดับ 1,200 เหรียญ และได้คาดว่าราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1,570 เหรียญในปี 2014 ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน -Crude Oil Inventories ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.3M ตัวเลขจริงปรับตัวลดลงสู่ระดับ-1.2M ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม - Unemployment Claims ตัวเลขเดิมที่ระดับ 346K คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ349K - Philly Fed Manufacturing Index ตัวเลขเดิมที่ระดับ 2.0 คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.7 วิเคราะห์ราคาทองคำ ราคาทองคำการซื้อขายเมื่อวานนี้ โดยราคาพยายามปรับตัวสูงขึ้นไปทดสอบแนวต้านด้านบนที่ระดับ1,400 เหรียญถึงสองครั้ง แต่ว่าไม่สามารถฝ่าขึ้นไปได้ ราคาปิดตลาด COMEX ที่ระดับ 1,382.7 เหรียญ ในขณะที่ตลาดเมื่อวานไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐใดๆ ที่สำคัญ ตลาดโดยภาพรวมยังกังวลกับข่าวเดิมของการซื้อขายทองคำของกลุ่มประเทศที่มีปัญหาทางการเงินและไซปรัส ในเช้านี้เปิดตลาด TOCOM มากลับมีแรงเทขายอย่างหนาแน่น ทำให้ราคาทองคำปรับหลุดลงมาถึง 30 เหรียญในช่วงเช้า หลุดระดับ 1,350 เหรียญลงมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งโดยทั่วไปยังเป็นการขายทองคำของ SPDR เมื่อวานอีก 11 ตันคงทองคำประมาณ 1,134.79ตัน เรียกว่าเป็นการถือครองต่ำที่สุดในรอบสองปีครึ่ง วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ในราคาทองคำเป็นแนวโน้มขาลงทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว ในขณะที่แนวรับสำคัญจะอยู่ที่บริเวณ1,300 — 1,312 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับ Fibonacci Retracement 50% ตามที่ได้วิเคราะห์ไปก่อนหน้านี้แล้ว ราคามีโอกาสลงมาทดสอบบริเวณ 1,300 เหรียญได้อีกครั้ง ซึ่งถ้าหลุดระดับ 1,300 เหรียญมีโอกาสที่จะตกลงไปบริเวณ 1,170 เหรียญซึ่งเป็นะรัดบ Fibonacci Retracement 61.8% คำแนะนำยังเป็นการลงทุนในทิศทางขาลงและปรับพอร์ทกลยุทธ์ไปตามทิศทางตลาดขาลง นักลงทุนที่ถือ Long Position มากกว่า 80% ควรที่จะพิจารณาลดสถานะลง และปรับสถานะตามสภาพขาลงของตลาด กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในแนวโน้มขาลงเช่นเดิม โดยยังมองว่าโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงยังมีอยู่ในระยะสั้นๆ ระดับ 1,330 เหรียญดูจะเป็นแนวรับด้านล่าง และระดับ 1,365 เหรียญจะเป็นแนวต้านด้านบน ยังคงแนะนำให้เก็งกำไรในทิศทางขาลงโดยเปิดสถานะ Short Position หรือการขายทองคำแท่งออกมาก่อน นักลงทุนถือ Long Position นักลงทุนที่ถือ Long Position และเติม Margin เข้ามาแล้วแนะนำให้ทบทวนกลยุทธ์การลงทุน ซึ่ง MTS Goldย้ำให้ปิดสถานะ Long Position หรือลดการถือครอง Long Position ลงตามการแกว่งขึ้นของตลาด นักลงทุนที่ถือ Short Position แนะนำให้ทำกำไรเป็นรอบๆ เข้าออกเร็วตามสภาวะการผันผวนและแกว่งตัวของตลาด Gold Futures J13 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,550บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,750 บาท Gold Futures M13 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,620บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,820 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ