กรุงเทพฯ--18 เม.ย.--IR network
ผู้ถือหุ้น บมจ.แอร์โรว์ ซินดิเคท (ARROW) เห็นพ้อง โหวตรับปันผลในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท กำหนดวันรับทรัพย์ 16 พฤษภาคมนี้ “ธานินทร์ ตันประวัติ”เผยทีมงานบริษัทพร้อมทำงานอย่างเต็มที่เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน แย้มทำผลงานโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 30% และจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 25-30% รับอุตสาหกรรมก่อสร้างขยายตัวทั้งภาครัฐและเอกชนยังสดใส
นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ ARROW เปิดเผยถึงที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2556 มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดปี2555 ให้กับผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฎ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 26 เมษายน 2556 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2551 โดยประกาศปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 29 เมษายน 2556 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) วันที่ 24 เมษายน 2556 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่16พฤษภาคม2556
"จากผลการดำเนินงานของบริษัทที่เติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ ซึ่งทีมผู้บริหารและพนักงานของบริษัท ARROW ขอสัญญาว่าจะมุ่งมั่นทำงานและทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพื่อนำพา ARROW ก้าวต่อไปข้างหน้าให้ได้อย่างมั่นคง มีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นในอนาคต ที่สำคัญสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว"
เขากล่าวต่อถึงภาพรวมธุรกิจของบริษัทในปีนี้ เชื่อว่ายังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากปีก่อน ตามการเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ภายในประเทศ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีแดง ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง แผนบริหารจัดการน้ำ และแผนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระยะยาว 7 ปี ขณะเดียวกันล่าสุดบริษัทเพิ่งได้งานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ คือ อาคารโรงงานยาสูบแห่งใหม่, อาคาร KING POWER, โรงพยาบาลวิภาราม และโครงการอื่นๆ มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมุ่งเน้นผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ท่อประเภทต่างๆ โดยเฉพาะท่อร้อยสายไฟฟ้า ที่มีสัดส่วนรายได้จากการขายคิดเป็น 60% ของรายได้รวม รวมถึงท่อระบายอากาศใช้สำหรับงานระบบปรับอากาศ ท่อน้ำประปา และท่อสำหรับงานก่อสร้าง อีกทั้งยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานเพิ่มเติมขนาด 2,800 ตารางเมตร เพื่อรองรับเครื่องจักรที่จะขยายกำลังการผลิตท่อก่อสร้าง และท่อลมในระบบปรับอากาศ โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 30 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในปี 2556 นี้
นอกจากนี้ยังเตรียมเพิ่มสัดส่วนการส่งออกผลิตภัณฑ์ประเภทท่อร้อยสายไฟฟ้า ไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มเป็น 15-20% ในปีนี้ จากปัจจุบันมีสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ประมาณ 12% โดยตลาดหลักของการส่งออก คือ สหรัฐอเมริกา และกลุ่มตะวันออกกลาง รวมถึงลดต้นทุนในการผลิต เพื่อรักษาอัตรากำไรสุทธิให้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10-12% ขณะที่รายได้รวมปีนี้ตั้งเป้าเติบโตอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 775.77 ล้านบาท