กรุงเทพฯ--19 เม.ย.--วอลท์ ดิสนีย์ สตูดิโอส์
ในขณะที่ “Iron Man 3” เป็นการร่วมงานกันอีกครั้งของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ และ มาร์เวล ในภาคสามของแฟรนไชส์ซูเปอร์ฮีโร่ยอดฮิต หนึ่งในคำถามสำคัญที่ต้องการคำตอบก็คือ ใครจะเป็นผู้รับหน้าที่ผู้กำกับต่อจาก จอน แฟฟโร ผู้กำกับที่ทำให้แฟรนไชส์ “Iron Man” ขึ้นสู่ระดับแนวหน้า ด้วยการนำเสนอภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ระดับโลกถึงสองเรื่อง
“หนังทุกเรื่องของเราจะมีลักษณะตามทีมผู้สร้างที่เราร่วมงานด้วยเพื่อเนรมิตเรื่องราวเหล่านั้นขึ้นสู่จอเงินครับ สิ่งที่ จอน แฟฟโร สามารถทำได้ในสองภาคแรก มีทั้งความแปลกใหม่และน่าทึ่ง ดังนั้น พอเรารู้ว่าเราต้องนำผู้กำกับใหม่เข้ามา มันก็เป็นงานที่หนักหนาสาหัสเลยทีเดียว เราต้องการคนที่มีประสบการณ์ รสนิยม และความสามารถในการสร้างหนังแอ็กชันฟอร์มยักษ์ แต่ก็ต้องติดดินด้วยในขณะเดียวกัน” ผู้อำนวยการสร้าง เควิน ไฟกี กล่าว
ทีมผู้สร้างได้พุ่งเป้าไปยัง “เชน แบล็ค” ผู้ที่เคยกำกับ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ใน “Kiss Kiss Bang Bang” ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันนักแสดงผู้นี้ให้ไล่ล่าบท โทนี่ สตาร์ค ใน “Iron Man” สำหรับดาวนีย์ การได้แบล็คมาเขียนบทและกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นเหมือนการนำแฟรนไชส์นี้มาสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง และมันก็เหมือนกับการตอบแทนผู้กำกับคนใหม่สำหรับการช่วยเหลือเบื้องหลังฉากของเขาใน “Iron Man” 2 ภาคแรกอีกด้วย “ระหว่างการเตรียมงานสร้าง ‘Iron Man’ (2 ภาคที่ผ่านมา) จอน แฟฟโรกับผมเคยโทรหาเชน เพื่อขอคำแนะนำของเขาเกี่ยวกับฉากต่างๆ และเขาก็จะให้คำอุปมาอุปมัยกับเราหรือบางครั้งก็ส่งความเห็นตรงๆมายังเรา และมันก็เป็นคำแนะนำเยี่ยมๆเสมอ และเขาก็ไม่เคยรับเงินเราเลย แม้ว่าครั้งหนึ่ง เขาจะเคยขอแซลมอนชิ้นงามๆกับบลูเบอร์รี่เป็นค่าตอบแทนก็ตามทีครับ เชนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างงานแนวแอ็กชัน/คอเมดี้คู่หูขึ้นมา และผมก็ดีใจในตอนที่มาร์เวลเสนอชื่อของเขาขึ้นมา แถมยังแสดง ออกอย่างชัดเจนว่าอยากจะให้เขามากำกับ ‘Iron Man 3’ น่ะครับ”
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ กล่าวกลั้วเสียงหัวเราะ