กรุงเทพฯ--22 เม.ย.--สสว.
สสว. มอบรางวัล 20 ผลงานดีเด่นเรื่องเล่า-หนังสั้น จากจำนวนกว่า 100 รายที่เข้าร่วมประกวด Cultural Festival Touchdown Thailand 2013 พร้อมเตรียมใช้เป็นสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อขยายโอกาสทางการตลาดให้สินค้าและบริการเชิงวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นของ SMEs ไทย ไปสู่ลูกค้าทั้งในและต่างประทศ ขณะเดียวกันเพื่อพัฒนาบุคลากรในธุรกิจภาพยนตร์และที่เกี่ยวข้อง ให้พร้อมรับกับโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ปรึกษาโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมท้องถิ่น กิจกรรมการประกวดเรื่องเล่าและหนังสั้น Cultural Festival Touchdown Thailand 2013 เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม โดย สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้จัดทำโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมท้องถิ่นขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีเอกลักษณ์ มีคุณค่าและมูลค่าเพิ่มขึ้น สามารถผลิตและขายได้ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งการดำเนินโครงการ จะประกอบด้วยการพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อสร้างเอกลักษณ์ สร้างมูลค่าและคุณค่าเพิ่ม และการส่งเสริมด้านการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงวัฒนธรรมผ่านสื่อสร้างสรรค์ โดยใช้เรื่องเล่าและหนังสั้นเป็นสื่อในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ของ SMES ไทย ให้เป็นที่รู้จักของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
ภายใต้การดำเนินงานดังกล่าว ได้จัดให้มีกิจกรรมการประกวดเรื่องเล่าและหนังสั้น Cultural Festival Touchdown Thailand 2013 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์เชิงวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยใช้เรื่องเล่าและหนังสั้น เป็นสื่อในการกระตุ้นและส่งเสริมด้านการตลาด สนับสนุนการแปลงมรดกทางวัฒนธรรม ประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ รวมทั้งพัฒนาทักษะและความรู้ของบุคลากรในธุรกิจภาพยนตร์ให้มีประสิทธิภาพและมีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งจะช่วยสร้างเม็ดเงินรายได้เข้าประเทศผ่านการค้าและบริการของผู้ประกอบการ SMEs ไทย
นายชาวันย์ สวัสดิ์-ชูโต รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า การจัดการประกวดเรื่องเล่าและหนังสั้น Cultural Festival Touchdown Thailand 2013 ครั้งนี้ มุ่งให้เกิดการถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับสินค้าและบริการของผู้ประกอบการ SMEs รวมถึงแนวทางในการดำเนินธุรกิจ ที่นำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืน เพื่อสร้างความน่าสนใจและช่วยขยายโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการของผู้ประกอบการได้มากขึ้น
ขณะเดียวกันยังเป็นแบบอย่างให้ผู้ประกอบการอื่นๆ ในการพัฒนาสินค้าและบริการให้สนองตอบความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพการจัดประกวดครั้งนี้มีผู้สนใจส่งผลงานเข้าร่วมประกวด ทั้งสิ้น 120 ผลงาน ประกอบด้วย เรื่องเล่า 73 ผลงาน และหนังสั้น 47 ผลงาน โดยคณะกรรมการตัดสินผลงาน ได้ดำเนินการคัดเลือกผลงานดีเด่นให้ได้รับรางวัลรวมทั้งสิ้น 20 รางวัล ได้แก่ เรื่องเล่า 10 รางวัล และหนังสั้น 10 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลชนะเลิศ ประเภทละ 1 รางวัล จะได้รับโล่รางวัลทองคำ ประกาศนียบัตรพร้อมเงินรางวัล รางวัลรองชนะเลิศ ประเภทละ 2 รางวัล จะได้รับโล่รางวัล ประกาศนียบัตรพร้อมเงินรางวัล ในส่วนรางวัลชนะเลิศและรองชนะเลิศจะได้ไปศึกษาดูงานที่ประเทศเกาหลีอีกด้วย ส่วนรางวัลชมเชย ประเภทละ 7 รางวัล จะได้รับประกาศนียบัตร
สำหรับการพิจารณาตัดสินผลงาน ในครั้งนี้ดำเนินการโดยคณะกรรมการตัดสินผลงาน ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถและมีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์และวงการที่เกี่ยวข้อง เช่น คุณบัณฑิต ทองดี คุณธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ คุณนนทรี นิมิตรบุตร คุณดำรัส โรจน์พิเชฐ คุณชลิดา เอื้อบำรุงจิต รวมทั้งผู้แทนจากกระทรวงอุตสาหกรรม หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ฯลฯ
นอกจากนี้ผลงานเรื่องเล่าและหนังสั้นที่ได้รับการคัดเลือกเข้าสู่รอบสุดท้ายประเภทละ 20 ผลงาน จะถูกนำไปจัดทำเป็นภาษาอังกฤษเพื่อเผยแพร่สู่สาธารณชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ และจะจัดทำ Story Bank เพื่อรวบรวมเรื่องเล่าและหนังสั้น ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ในรูปแบบ Web Site เพื่อให้ผู้สนใจสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก และเป็นการแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานดังกล่าว ไปสู่ผู้บริโภคได้ในวงกว้าง
“สสว. เชื่อว่า เรื่องเล่าและหนังสั้นที่ได้จากการดำเนินกิจกรรมนี้ จะเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ที่ช่วยขยายโอกาสทางการตลาดให้กับสินค้าและบริการเชิงวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นของผู้ประกอบการ SMEs ไทย ขณะเดียวกันจะช่วยพัฒนาทักษะและความรู้ของบุคลากรในธุรกิจภาพยนตร์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทยในธุรกิจภาพยนตร์ตลอดห่วงโซ่กิจการ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชนและประเทศต่อไป” นายชาวันย์ กล่าว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
ส่วนสื่อสารองค์กร สสว.
02-298-3037