HBIRM เล็งเจาะตลาดใหม่อสังหาริมทรัพย์จากกลุ่มนักลงทุนชาวจีน-สิงคโปร์ เตือนธุรกิจบริหารชุมชนและอาคารพัฒนาตัวเองรองรับการแข่งขันของตลาด

ข่าวทั่วไป Monday April 22, 2013 10:11 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 เม.ย.--พีอาร์ บูม HBIRMเล็งเจาะตลาดใหม่อสังหาฯ จากกลุ่มทุนต่างชาติ เผยผู้ประกอบการจากจีน สิงคโปร์ และมาเลเซียมีแนวโน้มพัฒนาอาคารชุดในทำเลต่าง ๆ เพิ่มขึ้น ย้ำหลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนธุรกิจบริหารชุมชนและอาคารต้องปรับตัวรับมือบริษัทต่างชาติที่มีประสบการณ์ด้านอาคารสูงมากกว่า ยืนยันคนไทยได้เปรียบเพราะมีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย นายธนันทร์เอก หวานฉ่ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอชบี อินเตอร์ เรียลตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด (HBIRM) และอดีตนายกสมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดธุรกิจบริหารชุมชนและอาคารว่า ในอนาคตหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนจะให้ความสำคัญกับการจ้างบริษัทที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญเข้ามาทำงานด้านใดด้านหนึ่งมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานด้าน HR บัญชี โปรแกรมเมอร์ รวมทั้งงานด้านบริหารจัดการภายในชุมชนและอาคาร คาดว่าการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในเร็ว ๆ นี้จะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมากขึ้น ทั้งในอาคารสำนักงาน อาคารพักอาศัย เซอร์วิสอพาร์เมนท์ รวมทั้งหมู่บ้านจัดสรรฯลฯ และนักลงทุนเหล่านี้ต้องการผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้ามาทำหน้าที่บริการหลังการขาย ดังนั้น ธุรกิจบริหารชุมชนและอาคารน่าจะมีโอกาสเติบโตและขยายตลาดไปสู่ลูกค้ากลุ่มใหม่ เนื่องจากผู้ประกอบการชาวต่างชาติจะให้ความไว้วางใจมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญเข้าไปทำงานด้านการบริหารและจัดการ “เชื่อว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในบ้านเรามีแนวโน้มว่าจะเติบโตในทิศทางที่ดี เนื่องจากในอนาคตจะมีนักลงทุนจาก ประเทศจีน สิงคโปร์ และมาเลเซียเข้ามาลงทุนในธุรกิจนี้มากขึ้น เพราะสถานการณ์ในประเทศของตนเองไม่เอื้อต่อการลงทุน เนื่องจากต้นทุนสูงและค่าแรงงานแพงกว่า โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีปัญหาด้านกฎหมายอาคารชุด เนื่องจากรัฐบาลเข้ามาควบคุมในธุรกิจนี้มากเกินไป เห็นได้จากที่ผ่านมานักลงทุนจากจีนเริ่มทยอยเข้ามาลงทุนในบ้านเราแล้ว เพราะกฎหมายบ้านเราเปิดกว้างสำหรับการลงทุนของชาวต่างชาติ จึงมั่นใจได้ว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารชุดที่พัฒนาจากกลุ่มทุนต่างชาติจะเกิดขึ้นในทำเลต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวอีกจำนวนหลายหมื่นยูนิต” นายธนันทร์เอกกล่าวและเปิดเผยเพิ่มเติมว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ HBIRM ได้เข้าไปบริหารและจัดการภายในโครงการทีซีกรีน พระราม 9 ซึ่งเป็นอาคารชุดที่พัฒนาโดยบริษัท เทียนเฉินอินเตอร์เนชั่นแนล พร็อพเพอร์ตี้ (ไทยแลนด์) ที่ให้ความสำคัญกับการคัดเลือกมืออาชีพที่มีประสบการณ์ด้านการบริหารอาคารเข้าไปทำงาน ซึ่ง HBIRM ได้เข้าไปร่วมวางแผนทำงบประมาณ กำหนดกฎระเบียบและยกร่างข้อบังคับต่าง ๆ ในอาคารตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งดูแลสาธารณูปโภคในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค สำหรับปัจจัยที่จะช่วยให้บริษัทบริหารชุมชนสัญชาติไทยมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับนักลงทุนชาวต่างชาติ เพราะมีความรู้และความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายอาคารชุด ทั้งยังต้องมีศักยภาพในการให้คำปรึกษาและสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอาคารได้ ทั้งนี้ องค์กรที่จะเจาะตลาดต่างชาติจำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพด้านต่าง ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของนักลงทุนได้ นอกจากความรู้และความเชี่ยวชาญแล้วจะต้องมีผลงานที่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากนักลงทุนเหล่านี้มักจะเปรียบเทียบและให้ความไว้วางใจเลือกองค์กรที่มีภาพลักษณ์ดี ดังนั้น ธุรกิจของคนไทยต้องเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ เพื่อรองรับความต้องการตลาดที่มีแนวโน้มว่าจะขยายตัวอย่างรวดเร็วหลังจากที่ประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนมีความเชื่อมโยงทางด้านเศรษฐกิจกันอย่างใกล้ชิด นายธนันทร์เอกกล่าวว่า การเปิดเสรีทางการค้าที่สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมากขึ้น จะทำให้ธุรกิจบริหารชุมชนและอาคารแข่งขันสูง นอกจากต้องแข่งขันกับคนไทยด้วยกันแล้วคาดว่าจะมีต่างชาติเข้ามาดำเนินธุรกิจบริหารหลังการขายเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะคู่แข่งต่างชาติที่มีประสบการณ์ด้านการบริหารอาคารสูงมากกว่าคนไทย เช่น กลุ่มบริษัทจากสิงคโปร์และมาเลเซีย ดังนั้น สิ่งที่ธุรกิจคนไทยต้องทำก็คือการปรับตัวเพื่อรับมือกับการแข่งขัน โดยจะต้องรู้ว่าการทำงานในอาชีพนี้ต้องมีความรู้ด้านไหน รวมทั้งต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่สามารถรองรับความต้องการของลูกค้า ที่สำคัญจะต้องมีศักยภาพในการสื่อสารกับต่างชาติ เพื่อให้เกิดความพึงพอใจและไว้วางใจการทำงานของคนไทย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ