กรุงเทพฯ--22 เม.ย.--โอเพ่นมายด์
การเปิดแนวรุกเพื่อบุกตลาด AEC ของภาคธุรกิจไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับการตั้งเป้าหมายของรัฐบาลในอีก 5 ปีนับจากนี้ที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนการเติบโตของธุรกิจ SMEs, OTOP และรัฐวิสาหกิจชุมชน ในสัดส่วนของ GDP จากร้อยละ 37 ให้ได้เป็นร้อยละ 40
ด้วยเหตุนี้ทั้ง 5 กระทรวงหลักที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs และสถาบันการเงินเฉพาะกิจในสังกัดกระทรวงการคลังจึงร่วมกันเปิดตัว โครงการ SMEs & OTOP สู่เวทีโลก และจัด การสัมมนาเชิงปฎิบัติการ SMEs Roadmap เปิดแนวรุกบุก AEC ขึ้นในระหว่างวันที่ 18-19 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการ SMEs และ OTOP ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้เติบโตสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
แต่การสนับสนุนเรื่องของแหล่งเงินทุน อาจจะไม่เพียงพอต่อการแข่งขันในเวทีการค้าเสรีของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน กระทรวงการคลัง จึงได้บูรณาการการทำงานของ กรมสรรพากร กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต พร้อมจัดทำ “คลินิกภาษีกระทรวงการคลัง” ขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความสะดวก รวดเร็ว และการให้บริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ดียิ่งขึ้น โดยโดรงการดังกล่าวเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของกระทรวงการคลัง ในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในประเทศ ให้ก้าวสู่ตลาดสากลตามนโยบายและยุทธศาสตร์ของรัฐบาล
นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าในปัจจุบันกฎหมายด้านภาษีของไทยยังมีความสลับซับซ้อน ข้อมูลทางด้านภาษียังจัดไม่เป็นระบบ อีกทั้งการขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญยังทำได้ยาก ส่งผลถึงการปฏิบัติตามกฎหมายภาษีของภาคเอกชนอย่างถูกต้องนั้นยังเป็นไปได้โดยยาก ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการและภาคเอกชนต้องสูญเสียทั้งเวลาและงบประมาณในการค้นคว้าหาข้อมูล การเดินทางไปติดต่อสำนักงานภาษี การกรอกเอกสาร และการจ้างที่ปรึกษา ซึ่งต้นทุนเหล่านี้ได้กลายเป็นภาระที่ส่งผลให้ศักยภาพด้านการแข่งขันของภาคเอกชนลดลง
“โครงการคลินิกภาษีกระทรวงการคลัง เป็นนวัตกรรมใหม่ของกระทรวงการคลังซึ่งมีนโยบายพัฒนารูปแบบการให้บริการด้านภาษี และการปฏิบัติงานในรูปแบบใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความสะดวก รวดเร็ว และ การให้บริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ดียิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นการให้บริการกับผู้ประกอบรายใหม่ ผู้ประกอบการรายย่อย หรือ SMEs และ ประชาชนทั่วไป โดยกรมสรรพากร กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิต ได้บูรณาการผสานความร่วมมือในการดำเนินงานโครงการคลินิกภาษีร่วมกัน โดยรวบรวมองค์ความรู้ด้านภาษีอากรจาก 3 กรมภาษี มาจัดเก็บอยู่ในระบบไอทีและเผยแพร่ทาง Web site , Mobile Application และ Social Media เพื่อเป็นศูนย์กลางในการให้บริการด้านความรู้ภาษีอากร โดยมีวัตถุประสงค์ช่วยลดภาระการปฏิบัติตามกฎหมายภาษีของภาคเอกชนให้ต่ำสุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเมื่อภาคเอกชนมีต้นทุนลดต่ำลง ก็จะมีศักยภาพในการแข่งขันสูงขึ้น” นายทนุศักดิ์กล่าว
เพราะในปัจจุบัน SMEs คือหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีมูลค่า GDP รวมกันกว่า 3.9 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37 ของประเทศ มีมูลค่าการส่งออกถึง 2 ล้านล้านบาท มีการจ้างงานเกือบ 11 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 84 ของแรงงานภาคเอกชนทั้งประเทศ และSMEs หลายๆ รายมีศักยภาพที่จะยกระดับเป็นบริษัทขนาดใหญ่ได้ ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้และมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศมากขึ้นในอนาคต และสิ่งที่สำคัญนอกจากเรื่องของแหล่งเงินทุนแล้ว ความรู้ในเรื่องของระบบภาษีก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะหากมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ผู้ประกอบการจะต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก
ด้วยเหตุนี้กระทรวงการคลังจึงได้พัฒนานวัตกรรมการให้บริการที่บูรณาการเชื่อมโยงองค์ความรู้ด้านภาษีอากรจาก 3 กรมภาษีไว้ ณ จุดเดียว โดยเปิดเป็น “เวบไซต์คลินิกภาษีกระทรวงการคลัง” ที่มีการรวบรวมองค์ความรู้และข้อมูลภาษีอากรสำหรับธุรกิจทั่วประเทศจำนวน 50 ธุรกิจนำร่องที่เกี่ยวข้องกับ กรมสรรพากร กรมศุลกากร และ กรมสรรพสามิต ไว้อย่างครบครันแล้ว และยังได้มีการพัฒนาระบบการให้บริการที่เรียกว่า E-appointment หรือ ระบบนัดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถขอนัดรับคำปรึกษาเรื่องภาษีจากผู้เชี่ยวชาญของทั้ง 3 กรมภาษีได้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นการเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชน และเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง
รวมถึงยังเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงองค์ความรู้ด้านภาษีให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นผ่านทาง Mobile Application ที่เพิ่มฟังค์ชั่นการใช้งานที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการมากยิ่งขึ้น อาทิ ระบบ GPS ที่สามารถระบุตำแหน่งของหน่วยงานหรือสถานที่นัดหมายได้ รวมถึงการเชื่อมโยงกับ Social Network เพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้บริการอีกด้วย โดยผู้ประกอบการสามารถใช้บริการ คลินิกภาษีกระทรวงการคลัง ได้ที่ http://taxclinic.mof.go.th ตลอด 24 ชั่วโมง
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการคณะกรรมการกำกับ ติดตามและประเมินผลโครงการคลินิกภาษีกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าโครงการคลินิกภาษีกระทรวงการคลัง ถือเป็นนวัตกรรมการบริการด้านภาษีที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและภาคเอกชนเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะช่วยลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับภาคเอกชนแล้ว ยังช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการ
“โครงการคลินิกภาษีกระทรวงการคลัง เป็นการผสานความร่วมมือระหว่าง กรมสรรพากร กรมศุลกากร และ กรมสรรพสามิต ในการส่งเสริมและพัฒนาด้านการบริการของหน่วยงานราชการสู่ระดับสากลมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยกระชับขั้นตอนการทำงานของหน่วยงานด้านภาษีให้สั้นลง เกิดความโปร่งใสการกระบวนการจัดเก็บภาษี ช่วยให้การจัดเก็บภาษี การตรวจสอบ รวมถึงการประเมินผล มีความรวดเร็ว แม่นยำและโปร่งใสมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่สำคัญเพื่อปูทางสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีและที่ปรึกษาแก่ภาคธุรกิจและประชาชน โดยก้าวต่อไปของคลินิกภาษียังได้มองไปถึงอนาคตในการเป็นศูนย์กลางรวบรวมองค์ความรู้ด้านภาษีอากรต่างๆ ของประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ในอีก 2 ปีข้างหน้า” นายพงษ์ภาณุระบุ
คลินิกภาษีกระทรวงการคลัง จึงเป็นนวัตกรรมการให้บริการที่ตอบโจทย์และความต้องการของผู้ประกอบการ SMEs ไทยในยุคปัจจุบันได้อย่างตรงจุด และยังจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญของภาคธุรกิจไทยในการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ด้วยการเป็นศูนย์กลางและฐานความรู้ทางด้านภาษีประเภทต่างๆ ของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างศักยภาพภาคเอกชนไทยในการแข่งขันบนเวทีของ AEC ได้อย่างแข็งแกร่งและมั่นคง.