กรุงเทพฯ--25 เม.ย.--แอลจี-วัน ประเทศไทย
แอลจี อีเลคทรอนิคส์ เผยผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2556 ว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือทำรายได้ให้กับบริษัทในไตรมาสแรกของปีสูงเป็นประวัติการณ์จากการส่งออกโทรศัพท์มือถือจำนวน 10.3 ล้านเครื่อง ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่บริษัทเริ่มดำเนินธุรกิจในกลุ่มโทรศัพท์มือถือ โดยผลประกอบการถือว่าสูงกว่าเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้
ในไตรมาสแรกของปี 2556 บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานรวมทั้งสิ้น 322.88 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 9,686.4 ล้านบาท) และมีรายได้สุทธิรวม 20.30 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 609 ล้านบาท) ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา แต่บริษัทมีรายได้ในไตรมาสแรกเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 6.8 เมื่อเทียบแบบปีต่อปีรวม หรือ 13.01 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 390.3 พันล้านบาท) ซึ่งเป็นผลจากผลประกอบการที่ดีขึ้นของกลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ
กลุ่มผลิตภัณฑ์โฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์มีรายได้รวม 4.77 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 143.1 พันล้านบาท) ซึ่งลดลงเมื่อเทียบแบบปีต่อปี จากยอดขายพลาสม่า ทีวี และกลุ่มผลิตภัณฑ์ไอที อย่างไรก็ตาม ยอดจำหน่ายแอลซีดี ทีวีในทวีปยุโรปและในตลาดกำลังพัฒนา เช่น จีน และ กลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน 27.68 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 830.4 ล้านบาท) ซึ่งลดลงจาก ปีที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ถึงแม้ตลาดของกลุ่มทีวีและผลิตภัณฑ์ไอที ยังไม่มีการเจริญเติบโตมากนัก แอลจีเชื่อมั่นว่าผลประกอบการของกลุ่ม 3D สมาร์ท ทีวี และ Ultra HDTV จะแข็งแกร่งขึ้น
รายได้ของกลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดใน ไตรมาสแรกของปีนี้ โดยมีรายได้รวม 2.96 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 88.8 พันล้านบาท) จากการส่งออกสมาร์ทโฟน 10.3 ล้านเครื่อง คิดเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา ซึ่งเกิดจากยอดจำหน่ายที่สูงของสมาร์ทโฟนกลุ่ม LTE อาทิ Optimus G และ Optimus G Pro รวมถึงสมาร์ทโฟน 3G ในตระกูล L Series และ Nexus 4 มีกำไรจากการดำเนินงานรวม 122.69 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,680.7 ล้านบาท) ซึ่งสูงขึ้นเกือบสี่เท่าของช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมา อันเป็นผลจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นและโครงสร้างต้นทุนที่ดีขึ้น แอลจีคาดการณ์ว่าจำนวนผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ที่ส่งออกรวมถึงยอดขายจะสูงขึ้น ในไตรมาสที่สอง จากการเปิดตัว Optimus L Series II สำหรับสมาร์ทโฟน 3G และ Optimus G Pro และ Optimus F ในประเทศที่รองรับระบบ 4G LTE
ยอดขายของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านในไตรมาสแรกของปี 2556 เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมา คิดเป็น 2.59 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 77.7 พันล้านบาท) เป็นผลจากยอดขายที่ดีขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา อเมริกากลาง และตะวันออกกลาง กำไรจากการดำเนินงานลดลงร้อยละ 29 เมื่อเทียบปีต่อปี หรือประมาณ 94.10 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.823 พันล้านบาท) เป็นผลจากการเพิ่มการลงทุนสำหรับการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาและงบประมาณด้านการตลาด แอลจีมุ่งมั่นที่จะเสริมความแข็งแกร่งและศักยภาพด้านการแข่งขัน และเป็นผู้นำตลาดในประเทศต่างๆ ที่บริษัทยังไม่ได้รับความนิยม ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างและหลากหลาย
สำหรับกลุ่มเครื่องปรับอากาศและโซลูชั่นส์ด้านพลังงานมีรายได้ในไตรมาสแรกรวม 1.14 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 34.2 พันล้านบาท) จากผลประกอบการที่ดีขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สืบเนื่องจากความสำเร็จของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานยังคงเดิม เมื่อเทียบแบบปีต่อปี คิดเป็น 67.34 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.0202 พันล้านบาท) แม้จะมีค่าใช้จ่ายด้านการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาที่เพิ่มขึ้น แอลจีคาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดขายและกำไรของกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ ด้วยการนำเสนอโซลูชั่นส์ด้านพลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และนำเสนอเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมกับแต่ละตลาด
ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในช่วงไตรมาสที่ 1ของปี 2556
ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2556 แอลจีได้ปรับผลกำไรและขาดทุนจากการดำเนินงานให้สอดคล้องกับบทบัญญัติใหม่ของ Korea-International Financial Reporting Standards (K-IFRS) 1110เกี่ยวกับการเปิดเผยรายงานด้านการเงิน ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว บริษัทได้ปรับเปลี่ยนการเปรียบเทียบข้อมูลด้านการเงินให้สอดคล้องกับข้อบังคับใหม่ โดยอัตราแลกเปลี่ยนของเงินวอนต่อดอลล่าร์สหรัฐจะเท่ากับอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยของสามเดือนในไตรมาสที่ 1 โดยมีอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลล่าร์สหรัฐ ต่อ 1,084 วอน