กรุงเทพฯ--26 เม.ย.--ธนาคารเกียรตินาคิน
กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ประสานการทำงาน ขับเคลื่อนการเติบโตธุรกิจธนาคารพาณิชย์และธุรกิจตลาดทุน หลังปรับโครงสร้างธุรกิจและการบริหารงานให้สอดคล้องตามแผนงานหลัก โดยมีนายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานธุรกิจธนาคารพาณิชย์ และแต่งตั้งนายกฤติยา วีรบุรุษ เป็นประธานธุรกิจตลาดทุน และนายยุทธพล ลาภละมูล เป็นกรรมการผู้จัดการ บลจ.เกียรตินาคิน ทั้งนี้ ภาพรวมการดำเนินธุรกิจไตรมาส 1/2556 โดยรวมเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งมีการรับรู้รายได้ของธุรกิจตลาดทุนเต็มรูปแบบ ส่งผลให้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,162 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 100% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ยังไม่มีผลประกอบการของทุนภัทร
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (Mr. Aphinant Klewpatinond, President & Chairman of Commercial Banking Business, Kiatnakin Bank Plc.) เปิดเผยว่า “การดำเนินงานในปีนี้ ได้ให้ความสำคัญในเรื่องการปรับโครงสร้างธุรกิจให้เป็นไปตามกลยุทธ์และทิศทางธุรกิจ ถัดมาคือการควบคุมคุณภาพหนี้ การกระจายรายได้ และการตั้งสำรองต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในไตรมาสที่ 1 ปี 2556 ส่วนใหญ่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ หากพิจารณาทางด้านผลประกอบการ ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,162 ล้านบาท เป็นผลกำไรจากธุรกิจตลาดทุน 478 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 100% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ยังไม่มีผลประกอบการของทุนภัทร และหากพิจารณากำไรเบ็ดเสร็จรวมเท่ากับ 1,236 ล้านบาท เป็นกำไรเบ็ดเสร็จของธุรกิจตลาดทุน 629 ล้านบาท ผลประกอบการดังกล่าวสะท้อนถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจนจากการร่วมกิจการและประสานความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างธุรกิจธนาคารพาณิชย์ และธุรกิจตลาดทุน ซึ่งการรับรู้รายได้จากธุรกิจตลาดทุนนี้ นับเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ผลประกอบการเติบโตเพิ่มขึ้น และหากพิจารณาทางด้านโครงสร้างรายได้พบว่ามีการกระจายตัวที่ดีขึ้น มีสัดส่วนรายได้ดอกเบี้ยต่อรายได้ค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 66:34 โดยรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นกว่า 150% จากสิ้นปี 2555 เนื่องจากมีรายได้ค่าธรรมเนียมของธุรกิจตลาดทุนมาเสริม ทางด้านสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 244,323 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.9% จากสิ้นปี”
สำหรับการดำเนินงานของธุรกิจธนาคารพาณิชย์นั้น สินเชื่อรวมขยายตัวต่อเนื่องคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 4.3% จากสิ้นปี 2555 โดยเป้าหมายของปี 2556 ตั้งไว้ที่ 19% ซึ่งเป็นการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก (สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์คิดเป็น 72% และสินเชื่อโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยคิดเป็น 13% ของสินเชื่อรวม) โดยธนาคารยังคงเน้นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้ว (สัดส่วนรถใหม่ : รถมือสอง เท่ากับ 53:47) และสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดี ในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รวม ณ ไตรมาส 1 เท่ากับ 3.2% ลดลงจากสิ้นปี 2555 ที่ 3.3% (NPL ของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์อยู่ที่ 1.7%) ด้านหนี้สินรวม (เงินฝาก และเงินกู้ยืมอื่นๆ) เพิ่มขึ้น 5% จากสิ้นปี 2555 ในจำนวนนี้เป็นเงินฝาก 155,488 ล้านบาท สำหรับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.9% คงที่จากสิ้นปี 2555
ในส่วนของธุรกิจตลาดทุน ล่าสุด ได้มีการแต่งตั้งนายกฤติยา วีรบุรุษ เป็นประธานธุรกิจตลาดทุน แทนนายอภินันท์ที่ไปดูแลในส่วนของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ และนายยุทธพล ลาภละมูล เป็นกรรมการผู้จัดการ บลจ.เกียรตินาคิน ซึ่งถือเป็นไตรมาสที่มีผลการดำเนินงานที่ดีอีกไตรมาสหนึ่ง เนื่องจากสภาวะตลาด และ SET index ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปิดที่ 1,516.06 จุด จากสิ้นปี 2555 ที่ 1,391.93 จุด ส่งผลให้ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ทั้ง บล.ภัทร (ลูกค้าสถาบัน และลูกค้าบุคคลรายใหญ่) และ บล.เกียรตินาคิน (ลูกค้ารายย่อย) มีรายได้รวมกันที่ 680 ล้านบาท นอกจากนี้ ธุรกิจ Private Wealth Management นั้น มีสินทรัพย์ภายใต้การให้คำปรึกษาการลงทุน (AUA) กว่า 225,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 24% จากสิ้นปี 2555
ปัจจุบัน โครงสร้างองค์กร แบ่งออกเป็น 2 ธุรกิจหลัก คือ 1. ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ประกอบไปด้วย กลุ่มงานลูกค้าบุคคล ให้บริการสินเชื่อรายย่อย (สินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อบุคคล สินเชื่อ Micro SME) และบริการธนบดีธนกิจ กลุ่มลูกค้าธุรกิจ ให้บริการสินเชื่อธุรกิจ (สินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และสินเชื่อ SME) ในส่วนนี้ได้เพิ่มสายงานสินเชื่อบรรษัท เพื่อให้บริการสินเชื่อกับลูกค้าบริษัทจดทะเบียน และสินเชื่อเกี่ยวกับการทำรายการของธุรกิจตลาดทุน และสายสินเชื่อลูกค้าผู้ประกอบการ กลุ่มสุดท้ายภายใต้ธุรกิจธนาคารพาณิชย์คือกลุ่มงานธุรกิจเฉพาะ (ธุรกิจบริหารหนี้ และธุรกิจตลาดการเงิน) ถัดมาคือ 2. ธุรกิจตลาดทุน ประกอบไปด้วย กลุ่มงานลูกค้าบุคคล (บริการวางแผนการเงิน ที่ปรึกษาการลงทุน บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และธุรกิจจัดการกองทุนรวม) กลุ่มงานลูกค้าสถาบัน (นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และวานิชธนกิจ) และกลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มงานลงทุน (การค้าหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เฮดจ์ฟันด์ และ Direct Investment)