กรุงเทพฯ--26 เม.ย.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
“ซังโกะ ไดคาซติ้ง” เคาะราคาขาย IPO หุ้นเพิ่มทุนจำนวน 44 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.30 บาท พร้อมมอบส่วนลดให้นักลงทุน 48.70% โดยเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้นในระหว่างวันที่ 29-30 เมษายน และ 2 พฤษภาคมนี้ ด้าน บล.โนมูระ พัฒนสิน ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย ดึง 3 โบรกเกอร์เข้าร่วมจัดจำหน่ายเชื่อธุรกิจสดใสหลังอุตสาหกรรมยานยนต์เติบโตต่อเนื่อง ยอมรับกระแสร้อนแรงหลังเดินสายโรดโชว์ให้ข้อมูลนักลงทุนทั่วประเทศ มั่นใจเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ภายในไตรมาส 2 ปีนี้
นายรัฐวัฒน์ ศุขสายชล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซังโกะ ไดคาซติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอลูมิเนียมและสังกะสีฉีดขึ้นรูปด้วยแม่พิมพ์ ฉีดหล่อความดันสูง (High-Pressure Diecastingหรือ HPDC) ให้กับลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องจักรกลเกษตร และอื่นๆ เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 44 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยกำหนดราคาเสนอขายในอัตราหุ้นละ 1.30 บาท ซึ่งจะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้น IPO ระหว่างวันที่ 29-30 เมษายน 2556 และ 2 พฤษภาคม 2556
ทั้งนี้ บมจ.ซังโกะ ไดคาซติ้ง (ประเทศไทย) มีทุนจดทะเบียน 113 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 88 ล้านบาท และภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 110 ล้านบาท โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนส่วนหนึ่งบริษัทฯ จะนำไปใช้ในการลงทุนขยายพื้นที่โรงงานและกำลังการผลิต ส่วนที่เหลือจะนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ
สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของ บมจ. ซังโกะ ไดคาซติ้ง (ประเทศไทย) มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2552 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 185.45 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8.74 ล้านบาท ปี 2553 รายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 291.26 ล้านบาท กำไรสุทธิ 12.34 ล้านบาท ปี 2554 รายได้จากการขายและบริการ เพิ่มเป็น 351.82 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7.19 ล้านบาท และปี 2555 รายได้จากการขายและบริการ อยู่ที่ 474.48 ล้านบาทกำไรสุทธิ 19.28 ล้านบาท
โดยลูกค้าหลักของบริษัทฯ จะอยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์คิดเป็นประมาณ 60% ของยอดขายทั้งหมดรองลงมา คือ อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์คิดเป็นประมาณ 20% อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าคิดเป็นประมาณ 10% ที่เหลือเป็นอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลเกษตรและอื่นๆ ขณะที่บริษัทฯ มีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจในการเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนที่มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับของลูกค้าและสามารถส่งมอบงานให้กับลูกค้าได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า
“เพื่อให้ธุรกิจไปถึงเป้าหมายที่ได้วางไว้ บริษัทฯ จึงกำหนดกลยุทธ์การแข่งขันเพื่อให้พนักงานทุกระดับได้ปฏิบัติร่วมกัน ไม่ว่าจะเรื่องการรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การจัดส่งผลิตภัณฑ์ให้ตรงเวลา มีความยืดหยุ่นในการวางแผนการผลิต การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า และการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาคมและองค์กรต่างๆ เพื่อขยายฐานลูกค้า ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวบริษัทฯ ได้ดำเนินการมาแล้วกว่า 17 ปีและยังมุ่งมั่นที่จะดำเนินการต่อไปเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน” นายรัฐวัฒน์ กล่าว
ด้าน นายเอกจักร บัวหภักดี ผู้อำนวยการฝ่าย สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ ของบริษัท ซังโกะไดคาซติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ภายในไตรมาส 2 ปี 2556 กล่าวว่า หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ไปเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2556 ล่าสุด ก.ล.ต.ได้พิจารณาอนุมัติแบบไฟลิ่งของ SANKO เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ภายในไตรมาส 2/2556
พร้อมกันนี้ บล.โนมูระ พัฒนสิน ในฐานะเป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Lead Underwriter) หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จะเสนอขายให้กับประชาชนเป็นครั้งแรกแล้ว ยังได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ อีก 3 แห่ง เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย (Co underwriter) ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซียไซรัสจำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด
สำหรับการกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ได้พิจารณาจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price/Earning per Share Ratio : P/E ) ซึ่ง ณ ระดับราคาหุ้นเสนอขายที่ 1.30 บาทต่อหุ้น อัตราส่วน P/E Ratio จะอยู่ที่ 14.83 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิของบริษัทฯ ในช่วง 4 ไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งราคาดังกล่าวมีส่วนลด 48.70% จาก P/E Ratio เฉลี่ยในช่วงระยะเวลา 3 เดือนของบริษัทที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม ที่ระดับ P/E Ratio ดังกล่าวยังไม่ได้พิจารณาถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
“เรามีความมั่นใจอย่างมากว่า หุ้น IPO ของ SANKO จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากธุรกิจของบริษัทฯ อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง เพราะลูกค้าหลักอยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ในปีนี้ คาดว่าจะมีกำลังผลิตรถยนต์ประมาณ 2.5-2.6 ล้านคัน ซึ่งกระแสตอบรับจากการโรดโชว์ให้ข้อมูลกับนักลงทุนทั่วประเทศที่ได้รับความสนใจอย่างคึกคัก ทำให้เรามั่นใจมากขึ้น ขณะเดียวกัน การกำหนดราคาเสนอขาย IPO ก็เป็นราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ พร้อมทั้งได้มอบส่วนลดให้นักลงทุนถึง 48.70% ” นายเอกจักรกล่าว