กรุงเทพฯ--29 เม.ย.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์
จากการศึกษาของไมโครซอฟท์ ในปี 2012 พบว่าบริษัทธุรกิจขนาดกลางและย่อม (SMB) ทั่วโลกที่ส่วนใหญ่มีพนักงานไม่ถึง 50 คน ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านไอทีสูงถึง 9.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะมีมูลค่าเติบโตเป็น 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2017 ซึ่งเกินกว่าที่บริษัทเล็กๆ จะแบกรับไหว ด้วยเหตุนี้ SMB รวมถึงนักพัฒนาซอฟต์แวร์รายใหม่ๆ (สตาร์ทอัพ) จึงได้หันมาใช้บริการคลาวด์ คอมพิวต์ติ้ง มากขึ้น ซึ่งภายในปีนี้คาดว่าจะมี SMB กว่า 6 ล้านรายทั่วโลกที่จะหันมาใช้บริการคลาวด์แทน โดยจากการสำรวจ SMB 4 ใน 10 ราย เชื่อว่าการย้ายแอพพลิเคชั่นมาทำงานบนคลาวด์เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้บริษัทเหล่านี้ประสบความสำเร็จเพราะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายด้านไอที ช่วยให้บริษัทมีเวลามากขึ้นในการพัฒนาธุรกิจของตนเอง
ข้อมูลจากการศึกษาดังกล่าวสอดรับกับจำนวนสตาร์ทอัพในเมืองไทยที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 40,000 ราย ในปัจจุบัน โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าตลาดคลาวด์ คอมพิวต์ติ้ง จะมีมูลค่ารวมถึง 2.3 พันล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีมูลค่ารวม 1.9 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 22% จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับสตาร์ทอัพไทยที่มีความคิดสร้างสรรค์และความกล้าที่จะเริ่มต้นลองสิ่งใหม่ๆ ในการสร้างโอกาสในการทำตลาดผ่านการใช้บริการด้านไอทีผ่านระบบคลาวด์เพื่อให้บริษัทเติบโตได้อย่างมั่นคง
นายภฤศดา โกมุทบุตร Platform Strategy Manager บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “ไมโครซอฟท์ ในฐานะผู้ให้บริการด้านคลาวด์ คอมพิวต์ติ้ง ระดับโลก มีวิสัยทัศน์ในการสนับสนุนงานและแนวความคิดด้านคลาวด์คอมพิวต์ติ้ง และนักพัฒนาในเมืองไทยมาโดยตลอด โดยล่าสุดเราได้ประกาศความร่วมมือกับ AIS The StartUp ที่มีวิสัยทัศน์สอดคล้องกับไมโครซอฟท์ในการสนับสนุนนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในเมืองไทย และได้จัดการแข่งขัน Wowzapp และ Wowzappver เพื่อเฟ้นหานักพัฒนาแอพพลิเคชั่นหน้าใหม่สำหรับ Windows? 8 และ Windows? Phone 8 พร้อมจัดการฝึกอบรมเพื่อติดอาวุธความรู้และทักษะด้านคลาวด์ให้กับสตาร์ทอัพไทยผ่านการจัดงาน Start IT Up, Power IT Up อย่างต่อเนื่องร่วมกับเว็บไซต์ Thumbsup และจัดวินโดวส์ อาชัวร์ แคมป์ (Windows Azure Camp) ไปแล้วถึง 6 ครั้งในไตรมาสแรกของปีนี้ จากเสียงตอบรับอันล้มหลาม มีนักพัฒนาไทยที่ได้รับการฝึกอบรมในแคมป์นี้ไปแล้วกว่า 340 คน ทั้งนี้เราหวังว่าจะสามารถช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้หลังบ้านของสตาร์ทอัพไทยสามารถแข่งขันบนเวทีโลกได้”
“ปัจจุบัน สตาร์ทอัพในเมืองไทยได้ให้ความสนใจและหันมาใช้บริการคลาวด์มากขึ้น เห็นได้จากสถิติของสตาร์ทอัพที่ทดลองใช้บริการคลาวด์ วินโดวส์ อาชัวร์ (Windows? Azure) ของไมโครซอฟท์ ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีจำนวนกว่า 600 ราย ซึ่งเมื่อเทียบในระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกแล้ว สตาร์ทอัพเมืองไทยให้ความสนใจมากติดเป็นอันดับ 2 รองจากประเทศออสเตรเลีย นอกจากนี้ ยังมีโครงการใหม่ๆ เกี่ยวกับวินโดวส์ อาชัวร์ เกิดขึ้น กว่า 100 โครงการ นับตั้งแต่มีการเปิดตัวในประเทศไทยในเดือนมิถุนายน 2554”
“ซึ่งที่ผ่านมา มีสตาร์ทอัพ ที่ประสบความสำเร็จจากการเข้าร่วมโครงการพัฒนาสตาร์ทอัพของไมโครซอฟท์ ไม่ว่าจะเป็น บริษัท ไอทีเวิร์คส์ จำกัด ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มธุรกิจสิ่งพิมพ์ดิจิตอลบนโปรแกรมที่ชื่อ อุ๊คบี (Ookbee) บนระบบคลาวด์ วินโดว์ อาชัวร์ (Windows Azure) จนเติบโตเป็นร้าน E-bookstore ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเมื่อไม่นาน มานี้ IT Works ได้ขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศทั้งในประเทศเวียดนามและญี่ปุ่น บริษัท Semantic Touch ผู้ให้บริการด้านเครื่องมือการทำตลาดด้าน อี-คอมเมิร์ซ บนโซเชียล เน๊ตเวิร์ค อย่าง เฟซบุ๊ค ที่ชื่อ Bento Web ที่กำลังเตรียมลุยตลาดต่างประเทศเป็นครั้งแรกก็ได้เลือกใช้โซลูชั่นที่อยู่บนเทคโนโลยีคลาวด์ บนวินโดว์ อาชัวร์ (Windows Azure) ของไมโครซอฟท์ ต่อยอดระบบโอเพ่นซอร์ส ที่พัฒนาขึ้นเอง ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจากเดิมถ้าลงทุนในระบบเซิร์ฟเวอร์ของตนเองจะต้องใช้งบประมาณหลายล้านบาทก็เหลือเพียงเดือนละหลักพันบาท นอกจากนี้ลูกค้าต่างประเทศก็ให้ความเชื่อถือ เพราะเป็นโซลูชั่นระดับโลก จากไมโครซอฟท์ และล่าสุดตัวอย่างความสำเร็จของบริษัท Computerlogy สตาร์ทอัพที่ดำเนินธุรกิจด้านการให้บริการ Social Media Management Tool ซึ่งเป็นบริษัทรายแรกและรายเดียวในเมืองไทยที่เป็น Facebook Preferred Marketing Developer และยังได้นำทีมนักพัฒนาไทยไปชนะรางวัลชนะเลิศ ในงาน Facebook World Hack 2012 Jakarta ที่ประเทศอินโดนีเซีย”
ซึ่งนายวัชระ เอมวัฒน์ ผู้ก่อตั้งบริษัท Computerlogy ได้กล่าวถึงที่มาของความสำเร็จดังกล่าวว่า “หลังจากที่ได้เข้าร่วมในงาน Start It Up Power It Up ครั้งที่ 2 และได้รับรางวัลชนะเลิศจากการนำเสนอแผนธุรกิจต่อเหล่าคณะกรรมการ ผมก็เริ่มหันมาใช้ระบบคลาวด์ วินโดว์ อาชัวร์ อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากลองใช้และพบว่าวินโดว์ อาชัวร์ มีความยืดหยุ่นและสามารถใช้กับเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญความน่าเชื่อถือของไมโครซอฟท์ยังช่วยให้บริษัทเติบโตและได้รับความน่าเชื่อถือมากขึ้นในการแข่งขันระดับอาเซียนและระดับโลกครับ” โดยนายวัชระ ได้ฝากคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ถึงเหล่านักพัฒนาในเมืองไทยว่า "สตาร์ทอัพ ก็คือนักธุรกิจมือใหม่ จะประสบความสำเร็จในตลาด จะต้องวางแผนให้ดี หาจุดแข็งของเราให้เจอ และใช้จุดแข็งนั้นเพื่อสร้างความแตกต่างจากตลาดให้ได้ ก็จะประสบความสำเร็จครับ"
ร่วมทำและสร้างฝันของคุณให้เป็นจริง กับโอกาสที่รอคุณอยู่ข้างหน้าอีกมากมาย ไมโครซอฟท์เปิดโอกาสให้เหล่านักสตาร์ทอัพไทย ร่วมเรียนรู้ถึงความโดดเด่นและประสิทธิภาพของ Windows Azure ผ่าน Azure Camp ที่จัดขึ้นเป็นประจำตลอดปี และร่วมทดลองใช้ Windows Azure ได้ฟรีนาน 90 วัน ที่ http://windowsazure.com ศึกษาข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งาน Windows Azure ได้ที่ www.thaicreate.com และติดตามการจัดงาน Start It Up, Power It Up ครั้งต่อไปได้ที่
http://thumbsup.in.th