กรุงเทพฯ--30 เม.ย.--เอ็มทีเอส โกลด์
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,470 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,471(22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 29.28 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 20,250 บาท กับ 20,350บาท และกลับมาปิดที่ 20,350 บาท กับ 20,450 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 3,775 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 6,808 คู่สัญญา Silver Futures อยู่ที่ 4 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 25% แบบ 10 บาท ลดลง 41% GFM13ปิด 20,540 บาท และ GFQ13ปิด 20,620 บาท GF10M13ปิดที่ 20,530บาท GF10Q13ปิดที่ 20,620 บาท
สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 13.8 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,467.4 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญา Silver เพิ่มขึ้น 36.4 เซนต์ ปิดที่ 24.12 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,080.64 ตัน (ขายออก 2.41 ตัน ) น้ำมัน NYMEX เพิ่มขึ้น 1.5 ดอลลาร์ ปิดที่ 94.5 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 106.2 จุด ปิดที่ 14,818.75จุด
ข่าวที่สำคัญ
-ราคาทองคำในเดือนนี้เข้าสู่เดือนที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2011 เนื่องจากการถือครองใน Gold ETPs ยังลดลงต่อเนื่องลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
-หากนับดูปริมาณทองคำทั้งหมดใน Gold ETP เดือนนี้ขายออกไปทั้งสิ้น 168.22 ตัน
-HSBC กล่าวว่า ผู้ถือครองทองคำใน Gold ETP ยังคงทำการลดการถือครองต่อเนื่อง ยิ่งเป็นวันหยุดของจีนก็จะจำกัดปริมาณการซื้อขายและปริมาณความต้องการทองคำลงไป
-กองทุน SPDR หนึ่งในกองทุนของ Gold ETPs ก็ยังคงทำการขายออกมาติดต่อกันเป็นวันที่ 15 เมื่อวานขาย 2.41 ตัน หรือ 0.22% คงเหลือการถือครองทองคำที่ระดับ 1,080.64 ตัน โดยตลอดเดือนเมษายน SPDR ขายออกมาทั้งสิ้น 136.41 ตัน
-บาร์เคลย์ แคปปิตอล กล่าวว่า คำถามสำคัญก็คือ ปริมาณการเข้าซื้อของนักลงทุนรายย่อยจะสามารถต่อสู้กับการขายของ Gold ETPs และปริมาณสถานะ Short ที่เพิ่มขึ้นได้หรือไม่ ซึ่งทางบาร์เคลย์ แคปปิตอลเชื่อว่า การเทขายของ Gold ETP ยังเป็นตัวกดดันราคาทองคำในระยะอันใกล้
-จีนยังคงหยุดทำการเนื่องในช่วง May Day เป็นวันที่สอง ส่งผลให้แรงสนับสนุนการเข้าซื้อทองคำลดลง
-นิวมอนท์ ไมน์นิ่ง คอร์ป เหมืองทองฐานสหรัฐที่ใหญ่ที่สุด ได้รายงานผลกำไรไตรมาสแรกที่ลดลงกว่าที่คาด เนื่องจากการขนส่งทองคำและทองแดงลดลงมากกว่า 10%
-แบร์ริค โกลด์ คอร์ป เหมืองทองคำที่ติดหนี้มากที่สุด ได้เพิ่มการเสนอขายพันธบัตร 3 ส่วนมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์เพื่อระดมทุน เนื่องราคาทองคำที่ลดลงทำให้ผลกำไรลดลง โดยก่อนหน้านี้ (26 เม.ย.) แบร์ริค โกลด์ คอร์ปถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือจากเอส แอนด์ พีลงสู่ BBB และมีมุมมองเชิงลบ
-การประชุมเฟดคาดว่า เฟดจะยังคงนโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไปและคงอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิม โดยเฟดจะแถลงผลการประชุมในคืนวันพุธ
-การประชุมอีซีบีคาดว่า อีซีบีอาจลดอัตราดอกเบี้ย โดยจะแถลงผลการประชุมในคืนวันพฤหัสบดี
-การประมูลพันธบัตรอิตาลีเมื่อวานนี้ได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอิตาลีปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง เช่นเดียวกันกับการประมูลตั๋วเงินคลังของเยอรมนีที่ต้นทุนลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน
ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน
- Core PCE Price Index m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.1% ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 0.0%
- Personal Spending m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.7% ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 0.2%
- Pending Home Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -1.0% ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 1.5%
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
- Chicago PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 52.4 ตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ระดับ 52.5
- CB Consumer Confidence ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 59.7 ตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ระดับ 61.7
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำอยู่ในช่วงของการปรับฐาน หลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นมาทดสอบระดับแนวต้านด้านบนที่ระดับ 1,485 เหรียญ โดยคาดว่าการเคลื่อนไหวของราคาทองคำน่าจะยังคงเคลื่อนตัวในกรอบ 1,450 — 1,485 เหรียญต่อไป โดยที่ในช่วงนี้ตลาดจีนปิดจะทำให้ Physical Demand ซื้อนั้นปรับตัวลดลง อย่างไรดีกองทุน SPDR ยังมีขายต่อเนื่อง เมื่อวานขายออกมาอีก 2.41 ตัน คงเหลือการถือครองทองคำที่ระดับ 1,080.64 ตัน ฉะนั้นจึงคาดว่าราคาน่าจะเคลื่อนตัวในทิศทาง Sideways
วิเคราะห์ทางเทคนิค จะเห็นได้ว่าราคาทองคำยังคงเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ 1,450 — 1,485 เหรียญ และยังคงแนะนำให้นักลงทุนเก็งกำไรในกรอบแคบๆ ดังกล่าว ให้เน้นทำการขายเมื่อราคาเด้งขึ้นไปบริเวณ 1,480 เหรียญและซื้อกลับเมื่อราคาปรับตัวลดลงมาบริเวณ 1,450 เหรียญเพื่อทำกำไรในระยะสั้น
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
ยังแนะนำให้ลงทุนอยู่ในกรอบแคบๆ ระหว่าง 1,450 — 1,485 เหรียญ คาดว่าการลงทุนในขณะนี้จะเป็นลักษณะการเทรดในกรอบแคบ เนื่องจากช่วงนี้จีนจะอยู่ในช่วงหยุดวันแรงงานด้วย
- นักลงทุนถือ Long Position
แนะทำกำไรเป็นช่วงๆตามกรอบแนวรับ-แนวต้าน ซื้อบริเวณแนวรับ 1,450 เหรียญ และขายเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น โดยมี Stop Loss บริเวณ 1,445 เหรียญ
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
แนะการทำ short บริเวณแนวต้านที่ระดับ 1,485 เหรียญ และซื้อกลับเมื่อราคาอ่อนตัวลงมา
Gold Futures M13 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,420 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,620 บาท
Gold Futures Q13 จะมีแนวรับที่ระดับ 20,500 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,700 บาท
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง