กรุงเทพฯ--30 เม.ย.--ปตท.สผ.
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช (Mr. Tevin Vongvanich) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยผลการดำเนินงาน ไตรมาสที่ 1 ปี 2556 และผลการดำเนินงานตามแผนธุรกิจดังนี้
ผลการดำเนินงานก่อนสอบทานไตรมาสที่ 1: กำไรสุทธิ 680 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 15%
ปตท.สผ.และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2556 รวม 680 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 20,258 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 91 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือร้อยละ 15 เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2555 จำนวน 589 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 18,288 ล้านบาท) โดยเป็นผลมาจากการดำเนินงานตามปกติจำนวน 585 ล้านดอลลาร์ สรอ. และกำไรจากรายการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานปกติ (Non-Recurring) จำนวน 95 ล้านดอลลาร์ สรอ.
สำหรับรายได้รวมของ ปตท.สผ. และบริษัทรายย่อยในไตรมาสนี้ มีจำนวน1,907 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 56,824 ล้านบาท) เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2555 จำนวน 1,627 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 50,448 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 280 ล้านดอลลาร์ สรอ. คิดเป็นร้อยละ 17 โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 291,476 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณการขายเฉลี่ยในไตรมาส 1 ปี 2555 ที่ 253,411 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยเป็นผลมาจากแหล่งบงกชและบงกชใต้มีปริมาณการขายก๊าซธรรมชาติและคอนเดนเสทเพิ่มขึ้น รวมทั้ง ปริมาณการขายน้ำมันดิบจากโครงการเอส 1 และโครงการเวียดนาม 16-1 เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ประกอบกับราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่เป็นเงินดอลลาร์ สรอ. ในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นเป็น 67.03 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบเมื่อเปรียบเทียบกับราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยของไตรมาส 1 ปี 2555 ที่ 64.79 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ
ผลการดำเนินงานตามแผนธุรกิจของ ปตท.สผ. สามารถสรุปการดำเนินงานโครงการหลัก ๆ ได้ ดังนี้
ด้านการสำรวจ ในไตรมาสที่ 1 ปี 2556 นี้ โครงการเมียนมาร์ เอ็ม 3 และ เอ็ม11 อยู่ในช่วงขยายระยะเวลาสำรวจเพื่อประเมินศักยภาพเชิงพาณิชย์ โดยแปลงน้ำลึกเอ็ม 11 อยู่ระหว่างการเตรียมงานเจาะหลุมสำรวจ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปลายปี 2556 สำหรับ โครงการเมียนมาร์พีเอสซี จี และอีพี 2 ได้เริ่มดำเนินงานสำรวจคลื่นไหวสะเทือนแบบ 2 มิติแล้วทั้ง 2 แปลง ส่วน โครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ ได้เสร็จสิ้นแผนงานเจาะหลุมสำรวจระยะแรกทั้งหมด 9 หลุม โดยประสบความสำเร็จในการค้นพบน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติถึง 7 หลุม และอยู่ระหว่างการทดสอบอัตราการไหลของน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติอีก 1 หลุม (ROS-1) ซึ่งได้ดำเนินการเจาะไปแล้ว โครงการแคนาดา ออยล์ แซนด์ เคเคดี ได้เสร็จสิ้น Winter Evaluation Program (WEP) ประจำปี 2555 — 2556 และเสร็จสิ้นการวัดคลื่นไหวสะเทือน ในแหล่ง Leismer, Corner และ Thornbury แล้ว สำหรับ โครงการโมซัมบิก โรวูม่า ออฟชอร์ แอเรีย วัน ล่าสุดในเดือนเมษายนนี้ ได้เสร็จสิ้นการเจาะสำรวจหลุมสำรวจ Orca-1 และค้นพบชั้นหินกักเก็บก๊าซธรรมชาติซึ่งมีความหนาของชั้นก๊าซฯ ประมาณ 58 เมตร แผนงาน ขั้นต่อไปจะดำเนินการเจาะหลุมเพิ่มเติมอีก 2 หลุม เพื่อประเมินขอบเขตของแหล่งก๊าซฯ Orca ให้ชัดเจนขึ้น
ด้านการพัฒนา อยู่ระหว่างการทดสอบระบบและเตรียมความพร้อมสำหรับการผลิตในแหล่งมอนทารา ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งจะเริ่มการผลิตน้ำมันดิบในไตรมาสที่ 2 นี้ รวมทั้ง จะดำเนินการเจาะหลุมผลิตเพิ่มเติม 1 หลุม สำหรับการดำเนินการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยตั้งแต่เกิดเหตุการณ์การรั่วไหลของน้ำมันในปี 2552 จนถึงไตรมาสที่ 1 ปี 2556 บริษัทฯ ได้รับค่าสินไหมทดแทนทั้งสิ้น 212 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา และอยู่ระหว่างการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในส่วนที่เหลือต่อไป ส่วนโครงการซอติก้า ได้เสร็จสิ้นการติดตั้งแท่นหลุมผลิต 3 แท่น และท่อส่งก๊าซฯ ระหว่างแท่นแล้ว ด้าน โครงการแอลจีเรีย 433 เอ และ 416 บี ได้เสร็จสิ้นการเจาะหลุมผลิตที่ 4 จาก 12 หลุมตามแผนงานระยะแรก โดยมีอัตราการไหลของน้ำมันดิบจากการคำนวณมากกว่า 1,500 บาร์เรลต่อวัน และอยู่ระหว่างก่อสร้างกระบวนการผลิตและระบบท่อขนส่ง รวมทั้ง งานก่อสร้างที่พักอาศัยและสาธารณูปโภค ทางด้าน โครงการโมซัมบิก โรวูม่า ออฟชอร์ แอเรีย วัน กำลังดำเนินการพัฒนาแหล่งก๊าซฯ นอกชายฝั่ง และวางแผนการพัฒนาการก่อสร้างโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวบนบก
ด้านการผลิต การดำเนินงาน โครงการบงกช ซึ่งประกอบด้วยแหล่งบงกช และแหล่งบงกชใต้ อยู่ในระดับ 900 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยคิดเป็นร้อยละ 20 ของความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติของประเทศไทย สำหรับ โครงการเอส 1 มีอัตราการผลิตน้ำมันดิบสูงสุดตั้งแต่โครงการเริ่มดำเนินการ อยู่ที่ 37,890 บาร์เรลต่อวันเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2556 โดยมีอัตราการผลิตน้ำมันดิบเฉลี่ยในไตรมาสที่ 1 ปี 2556 อยู่ที่ประมาณ 33,616 บาร์เรลต่อวัน โครงการแคนาดา ออยล์ แซนด์ เคเคดี มีอัตราการผลิตเฉลี่ยจากแหล่ง Leismer ในไตรมาสที่ 1 ที่ประมาณ 14,680 บาร์เรลต่อวัน โดยในเดือนกุมภาพันธ์ ได้เริ่มการเจาะเพื่อการผลิตใน well pad ที่ 5 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมเข้าสู่กระบวนการผลิตได้ในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นไปถึง 20,000 บาร์เรลต่อวัน สำหรับโครงการพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย-บี 17 ซึ่งได้มีการหยุดการผลิตชั่วคราวในช่วงปลายปี 2555 ถึงต้นปี 2556 เพื่อซ่อมแซมท่อส่งก๊าซฯ นั้น ได้กลับมาผลิตก๊าซฯ ได้ตามปกติแล้วเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาในอัตราประมาณ 363 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ส่งผลให้อัตราการผลิตเฉลี่ยในไตรมาสที่ 1 ปี 2556 อยู่ที่ระดับ 269 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
สำหรับโครงการยาดานา ซึ่งได้มีการหยุดการผลิตชั่วคราวในช่วงระหว่างวันที่ 5-12 เมษายน 2556 เพื่อเชื่อมต่อระบบ ทดสอบการผลิต และติดตั้งสะพานเชื่อมแท่นผลิต นั้นสามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้ตามปกติแล้วตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน 2556 โดยไม่มีผลกระทบกับการใช้พลังงานภายในประเทศแต่อย่างใด