กรุงเทพฯ--2 พ.ค.--บางกอก พับบลิค รีเลชั่นส์
- สารคดีพิเศษความยาว 2 ชั่วโมง ที่อ้างอิงข้อมูลมาจากหนังสือที่ขายดีที่สุด Black Hawk Down ของ มาร์ค บาวเดน
หลังเที่ยงคืนของวันที่ 2 พฤษภาคม 2554 เมื่อการค้นหาอาชญากร ซึ่งเป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในโลกเดินทางมาถึงจุดจบ OSAMA BIN LADEN: THE FINISH สารคดีที่จะนำเสนอเรื่องราววงในของแผนปฏิบัติการตามล่าหาตัวอาชญากรครั้งใหญ่ที่สุดและยากลำบากที่สุดในประวัติศาสตร์ จะถูกถ่ายทอดผ่านจอโทรทัศน์ในวันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม เวลา 20.00 น. ทางทรูวิชั่นส์ ช่อง 28
สารคดีเรื่องนี้อ้างอิงข้อมูลจากหนังสือ The Finish: The Killing of Osama bin Laden ซึ่งผ่านการศึกษาค้นคว้ามาอย่างละเอียดรอบคอบโดยมาร์ค บาวเดน นักเขียนมือรางวัล โดยในหนังสือประกอบด้วยบทสัมภาษณ์พิเศษประธานาธิบดีบารัค โอบามา ข้อมูลที่เป็นผลจากการเข้าถึงแหล่งข่าววงในในทำเนียบขาวและการรายงานข่าวภาคสนาม สารคดีเรื่องนี้จึงอัดแน่นไปด้วยเรื่องราวที่ครอบคลุมและชวนติดตาม ผู้ชมจะได้ทราบขั้นตอนต่างๆ ที่นำไปสู่การค้นพบตัวผู้ร้ายซึ่งเป็นที่ต้องการมากที่สุดในโลก OSAMA BIN LADEN: THE FINISH จะออกอากาศให้ชมอีกครั้งในวันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม เวลา 10.00 น.
หลังจากบงการปฏิบัติการโจมตีประเทศสหรัฐในวันที่ 11 กันยายน 2001 โอซามา บินลาดินก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย หนึ่งทศวรรษต่อมา อเมริกาค้นพบความจริงว่า การทำสงครามกับเครือข่ายอัลกออิดะห์ที่ประกอบด้วยผู้ก่อการร้ายที่กระจัดกระจาย ยากแก่การติดตามตัว จำเป็นต้องอาศัยวิธีการที่สร้างสรรค์แปลกใหม่กว่าเดิม สารคดีพิเศษยาว 2 ชั่วโมง OSAMA BIN LADEN: THE FINISH จะเปิดฉากด้วยการศึกษาเหตุระเบิดพลีชีพเมื่อปี 2009 และทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 คน โดยสายลับสามหน้าชาวจอร์แดน รวมถึงเจนนิเฟอร์ แมทธิวส์ คุณแม่ลูกสามและเจ้าหน้าที่ซีไอเอที่เป็นหัวหน้าทีมไล่ล่าบินลาดินด้วย ด้วยการเข้าถึงแหล่งข่าวในกองทัพและหน่วยงานข่าวกรองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน OSAMA BIN LADEN: THE
FINISH จะพาผู้ชมไปไปยังสถานที่ที่ปฏิบัติการต่างๆ เกิดขึ้น รวมทั้งในห้องประชุมที่ใช้ในการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่ระดับสูง
OSAMA BIN LADEN: THE FINISH ถ่ายทำในสถานที่จริงในจอร์แดน อัฟกานิสถานและปากีสถาน ผู้ชมจะได้เห็นกลยุทธ์ลับสุดยอดที่ถูกนำมาใช้เพื่อให้ภารกิจ และคำสัญญาช่วงการหาเสียงของประธานาธิบดีโอบามาที่จะลงโทษบินลาดินบรรลุผลเป็นรูปธรรมอย่างสมบูรณ์ นอกจากนั้น สารคดีเรื่องนี้ยังทำให้ผู้ชมได้เห็นการทำงานของหน่วยข่าวกรอง ได้เห็นการใช้ปฏิบัติการพิเศษในการหาข้อมูลและเป้าหมายของเครือข่ายอัลกออิดะห์ และตาลีบัน
หลังจากส่งกองกำลังพิเศษไปปฏิบัติภารกิจนับพันครั้งในอิรักและอัฟกานิสถาน โอกาสในการเข้าถึงตัว บินลาดินก็เปิดขึ้น ในฤดูใบไม้ผลิของปี 2011 ข่าวกรองที่รวบรวมได้ชี้ไปที่บริเวณบ้านหลังหนึ่งในอับบอตตาบัด ประเทศปากีสถาน ตามที่ประเมินไว้ โอกาสที่พบบินลาดินมีเพียง 50/50 แล้วเพราะเหตุใดปฏิบัติการเสี่ยงตายนี้ถึงได้รับไฟเขียวมาได้ ประธานาธิบดีโอบามาคิดอะไร ขณะนั่งอยู่ในห้องรูปไข่ถกเถียงกับทีมงานว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร
OSAMA BIN LADEN: THE FINISH เป็นเรื่องราวที่ไม่ธรรมดาของการตามล่าอาชญากรครั้งใหญ่ที่สุด เสียค่าใช้จ่ายแพงที่สุดและใช้เทคโนโลยีก้าวหน้าที่สุดในประวัติศาสตร์โลก การไล่ล่าที่เริ่มต้นด้วยการแกะรอยจากชื่อปลอมชื่อเดียวจบลงในหลายปีต่อมาด้วยการนำศพของโอซามา บินลาดินไปทำพิธีฝังยังกลางทะเล
สำหรับมาร์ค บาวเดน เขาคลุกคลีอยู่กับการหาข่าวเกี่ยวกับขีดความสามารถของหน่วยปฏิบัติการพิเศษเป็นเวลากว่า 15 ปี ในฐานะผู้แต่งหนังสือ Black Hawk Down, Guests of the Ayatollah และ Killing Pablo มาร์ค บาวเดนมีผลงานในการรายงานข่าวเกี่ยวกับพัฒนาการของกองทัพและหน่วยปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐมากกว่านักข่าวคนใดในประเทศ
OSAMA BIN LADEN: THE FINISH
ประวัติของมาร์ค บาวเดน
มาร์ค บาวเดนเป็นนักเขียนหนังสือขายดีเจ้าของรางวัลมากมายและผู้สื่อข่าวภาคสนามของนิตยสาร The Atlantic Magazine หนังสือเล่มล่าสุดของเขา คือ The Finish: The Killing of Osama bin Laden นำเสนอเรื่องราวที่ชวนติดตามของปฏิบัติการตามล่าบุคคลซึ่งเป็นที่ต้องการตัวมาลงโทษมากที่สุดของโลก นั่นคือ โอซามา บินลาดิน หนังสือที่ผ่านการศึกษาค้นคว้ามาอย่างดีเล่มนี้ประกอบด้วยสัมภาาษณ์พิเศษประธานาธิบดีโอบามา ข้อมูลวงในที่เข้าถึงยากจากทำเนียบขาว และรายงานข่าวภาคสนาม ซึ่งจะนำผู้อ่านเข้าไปถึงห้องที่ผู้มีอำนาจกำลังประชุมตัดสินใจ และสถานที่ที่ปฏิบัติการไล่ล่าเกิดขึ้นจริง
ผลงานสร้างชื่อของมาร์ค บาวเดน ได้แก่ หนังสือเรื่อง Black Hawk Down ซื่งเข้ารอบสุดท้ายในการประกวดรางวัล National Book Award และถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์รางวัลออสการ์ชื่อเดียวกัน หนังสือเรื่อง Killing Pablo ของเขาได้รับรางวัล Cornelius Ryan Award ประจำปี 2001 ของ Overseas Press Club ในฐานะหนังสือดีเด่นแห่งปี หนังสือเล่มอื่นๆ ของเขา ได้แก่ Guests of the Ayatollah ซึ่งนำเสนอเรื่องราววิกฤตตัวประกันในอิหร่านปี 1979 และติดอันดับ The 50 Books of Our Times จากการเลือกสรรของนิตยสาร Newsweek
มาร์คได้รับรางวัล The Abraham Lincoln Literary Award และรางวัล True Thriller Award ของสมาคม International Thriller Writers เพื่อยกย่องความสำเร็จจากการประกอบวิชาชีพเขียนหนังสือตลอดชีวิต นอกจากนั้น เขายังเป็นกรรมการตัดสินรางวัล National Book Awards ในปี 2005 มาร์คสำเร็จการศึกษาในปี 1973 จากมหาวิทยาลัยโลโยลาในแมรีแลนด์ ซึ่งเขาเคยเป็นอาจารย์สอนด้วยในปี 2001-2010 เขาเคยเป็นผู้สื่อข่าวและคอลัมนิสต์ให้กับ The Philadelphia Inquirer เป็นเวลากว่า 30 ปี ปัจจุบัน เขาดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์เกียรติคุณประจำมหาวิทยาลัยเดลาแวร์ และอาศัยอยู่ในเมืองอ็อกซฟอร์ด รัฐเพนซิลวาเนีย
ที่มา: http://www.theatlantic.com/mark-bowden
OSAMA BIN LADEN: THE FINISH
ตัวเลขที่น่าสนใจเกี่ยวกับภารกิจไล่ล่าบินลาดิน
สหรัฐอเมริกาใช้เวลา 10 ปีในการไล่ล่าบินลาดิน แต่ทราบหรือไม่ว่าต้องเสียคนและงบประมาณไปเท่าไหร่
- 2,819 คน: จำนวนคนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001
- 5.4 พันล้านเหรียญ: มูลค่าความช่วยเหลือทางการทหารที่สหรัฐมอบให้กับปากีสถาน ตั้งแต่ปี 2002 ถึง 2008 เพื่อช่วยเหลือสนับสนุนปากีสถานในการลาดตระเวนบริเวณพื้นที่ชายแดนติดกับอัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าเป็นแหล่งซ่อนตัวของกองกำลังอัลกออิดะห์และตาลีบัน
- เกือบ 10 ปี: จำนวนปีที่โอซามา บินลาดิน หลุดรอดการจับกุม
- ไม่ถึง 40 นาที: จำนวนนาทีที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐใช้ในบริเวณบ้านที่โอซามา ใช้กบดานในอับบอตตาบัด ประเทศปากีสถานเพื่อปฏิบัติภารกิจนเสร็จสิ้น ซึ่งจบลงด้วยการสังหารบินลาดิน
- 20 ถึง 25: จำนวนทีมกองกำลังผสมกองทัพเรือ กองอากาศ และกองทัพบก (หน่วยซีล) ที่เข้าร่วมในปฏิบัติการจู่โจม
- 0: เจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตในภารกิจจู่โจม
- 80 พันล้านเหรียญสหรัฐ: งบประมาณที่ใช้ในปฏิบัติการข่าวกรองของสหรัฐใน 1 ปี
- 99.9% : ความแม่นยำของการตรวจสอบดีเอ็นเอ ซึ่งยืนยันว่าชายที่ถูกยิงตายในอับบอตตาบัด ปากีสถานในภารกิจจู่โจมที่เกิดขึ้นในวันอาทิตย์นั้นคือ โอซามา บินลาดิน ตัวจริง
ที่มา: http://www.theweek.com/artiucle/index/214848/the-hunt-for-osam-bin-laden-by-the-numbers