กรุงเทพฯ--2 พ.ค.--วิลเลรอย แอนด์ บอค
บริษัท วิลเลรอย แอนด์ บอค (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสุขภัณฑ์ระดับโลกจากเยอรมัน เจ้าของแบรนด์ Villeroy & Boch และ Nahm ร่วมโชว์นวัตกรรมล่าสุด ในงานสถาปนิก’56 เน้นคอนเซ็ปต์ดีไซน์เรียบหรู ผสมผสานความร่วมสมัยในแบบยุโรปกับความเป็นธรรมชาติ สร้างสรรค์จินตนาการแห่งความสุขในโลกส่วนตัว เจาะกลุ่มสถาปนิก-ดีไซเนอร์ พร้อมตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
นางพันธ์สิริ สุตเธียรกุล รองกรรมการผู้จัดการ และผู้อำนวยการประจำประเทศไทย บริษัทวิลเลรอย แอนด์ บอค(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “บริษัทฯ มีนโยบายการดำเนินธุรกิจและแผนธุรกิจในปี พ.ศ. 2556 ภายใต้ยุทธศาสตร์เชิงรุกตลอดทั้งปี เพื่อตอกย้ำภาพผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์สุขภัณฑ์ระดับโลกจากประเทศเยอรมนีเจ้าของ แบรนด์ Villeroy & Boch ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในระดับสากลยาวนานกว่า 265 ปี และ Nahm สุขภัณฑ์คุณภาพดีไซน์เก๋เพื่อไลฟ์สไตล์สำหรับคนเมือง โดยเริ่มจากการกระตุ้นความต้องการของตลาด ควบคู่ไปกับการสร้างการรับรู้ และตอกย้ำสองแบรนด์คุณภาพอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดทัพผลิตภัณฑ์เข้าร่วมโชว์นวัตกรรม ภายในงานสถาปนิก’56 มหกรรมการแสดงเทคโนโลยีสถาปัตยกรรมที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งบริษัทฯ ได้รับความสำเร็จจากการเข้าร่วมงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยภายในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Urban Retreat เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง ในพื้นที่กว่า 216 ตารางเมตร สร้างสรรค์ให้เป็นโลกแห่งความสุขด้วยบรรยากาศแห่งจินตนาการในพื้นที่ส่วนตัว พร้อมเปิดตัว 6 คอลเล็คชั่นใหม่ล่าสุด La Belle (ลา เบล), My Nature (มาย เนเชอร์), Memento (เมเมนโต้), Squaro Edge 12 (สควาโร เอ็จ ทเวลฟ์), Subway (ซับเวย์), และ Architectura (อาร์คิเทคทูร่า) เน้นคอนเซ็ปต์ดีไซน์ที่เรียบหรู ผสมผสานความร่วมสมัยในแบบยุโรปกับความเป็นธรรมชาติได้อย่างลงตัว เพื่อการรังสรรค์ห้องน้ำที่ตอบโจทย์ทั้งด้านดีไซน์ และการใช้สอยได้อย่างลงตัว โดยนอกจากกลุ่มเป้าหมายที่เน้นกลุ่มสถาปนิก นักออกแบบ เจ้าของโครงการ รวมทั้งลูกค้าที่เป็นดีลเลอร์ เป็นหลักแล้ว ในปีนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนการขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังลูกค้าที่กำลังสร้างบ้าน หรือปรับปรุงห้องน้ำที่มีรสนิยม ชื่นชอบดีไซน์ และนวัตกรรมระดับแนวหน้าของยุโรป อีกทั้งยังให้ความสำคัญด้านงานไลฟ์สไตล์ และคุณภาพของผลิตภัณฑ์”
นางพันธ์สิริ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในปี 2551 นับเป็นก้าวสำคัญของตลาดสุขภัณฑ์ในประเทศไทย เมื่อวิลเลรอย แอนด์บอค เอจี (Villeroy & Boch AG) ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตสินค้าคุณภาพ และการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นด้วยวัฒนธรรม และการใช้ชีวิตอย่างยุโรปจากประเทศเยอรมนีได้ควบรวมกิจการกับบริษัท นาม สุขภัณฑ์ จำกัด ผู้ผลิตผลิตสุขภัณฑ์มาตรฐานยุโรป เพื่อขยายฐานการผลิต และเพื่อการเติบโตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ส่งผลให้บริษัทฯ มีศักยภาพในการแข่งขันได้อย่างแข็งแรงมากขึ้น ทั้งในแง่ของดีไซน์ คุณภาพ และราคา จากการเป็นศูนย์กลางการผลิตที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย และกำลังการผลิตมากเพียงพอต่อความต้องการของตลาดโลก ทั้งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และยุโรป”
“ล่าสุด เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2555 บริษัทฯ ได้เปลี่ยนชื่อจาก บริษัท นาม สุขภัณฑ์ จำกัด เป็น บริษัท วิลเลรอย แอนด์ บอค (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อรองรับการเจริญเติบโตในภูมิภาค และการค้าระหว่างประเทศของบริษัทฯ โดยจะเดินนโยบาย และกลยุทธ์เชิงรุกในการดำเนินธุรกิจอย่างจริงจังเพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกในภูมิภาค ด้วยความพร้อมของประเทศไทยในหลายๆ ด้าน ทั้งภูมิประเทศที่มีความเหมาะสม เป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้านและกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ความพร้อมของบุคลากรที่มีความสามารถทั้งในด้านการออกแบบ การผลิตและวิศวกรรม เมื่อนำมาผสานรวมกับความแข็งแกร่งของแบรนด์ นวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำหน้า และ ชื่อเสียงประสบการณ์ที่ได้รับความไว้วางใจมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน จึงเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับและความสำเร็จตามเป้าหมาย”
“โดยในปัจจุบัน บริษัทฯ มีโรงงานผลิตที่มีมาตรฐานสูง อยู่ที่จังหวัดสระบุรี บนเนื้อที่กว่า 104 ไร่ มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรม และดีไซน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด อีกทั้งยังมีการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมมาใช้ในการผลิต อาทิ พื้นผิวพิเศษ Ceramic Plus นวัตกรรมในการป้องกันคราบสกปรก เนื่องจากสิ่งสกปรกจะไม่จับตัวอยู่บนพื้นผิว ทำความสะอาดง่ายและรวดเร็ว และ Quaryl นวัตกรรมลิขสิทธิ์เฉพาะจาก วิลเลรอย แอนด์ บอค ที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับความสวยงาม ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูงอย่าง อคริลิค และ ควอซ ทำให้มีความทนทานสูง รูปทรงและพื้นผิวมีความสวยงามเป็นพิเศษ เป็นความเรียบเนียนเงางามที่แตกต่าง”
สำหรับผลดำเนินงานของบริษัทฯ ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2555 บริษัทฯ มีอัตราการเติบโต 23% และในปี พ.ศ. 2556 บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตประมาณ 25% ปัจจุบันตลาดสุขภัณฑ์โดยรวมมีมูลค่าประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะยังคงมีการเติบโตต่อเนื่องจากการขยายตัวและการแข่งขันของธุรกิจ ทั้งการเปิดตัวของโครงการอสังหาริมทรัพย์ และการเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่ประชาคมอาเซียน” นางพันธ์สิริ กล่าวในที่สุด