กรุงเทพฯ--2 พ.ค.--เซ็นทรัลพัฒนา
- เล็งโตก้าวกระโดดกับกลยุทธ์ช่วงชิงโอกาสบนทำเลศักยภาพสูงก่อนใคร
- พร้อมชูก้าวใหม่แห่งนวัตกรรมการพัฒนาศูนย์ในรูปแบบ Theme Mall ระดับโลก
วันนี้ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ประกาศ “ก้าวใหม่ของซีพีเอ็น” ในฐานะที่เป็นองค์กรที่นำการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญของไทย ซึ่งครั้งนี้ซีพีเอ็นเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจ ประกาศการลงทุนบิ๊กโปรเจค 2 โครงการใหม่มูลค่ารวมกว่า 7,000 ล้านบาท บนโลเคชั่นที่ดีที่สุดของประเทศ 2 แห่ง คือ เกาะสมุย ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกของไทย กับโครงการ “เซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย” และอีกโครงการ คือ “เซ็นทรัลพลาซา ศาลายา” บนทำเลศักยภาพสูงแห่งอนาคตของกรุงเทพฯ และปริมณฑลฝั่งตะวันตก พร้อมสร้างจุดเปลี่ยนครั้งใหม่ด้วยการนำนวัตกรรมการพัฒนาศูนย์การค้ามาสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างความแตกต่างให้กับตลาดรีเทลของประเทศไทยกับครั้งแรกของการพัฒนาศูนย์การค้าในรูปแบบ Theme Mall ระดับโลกที่มีความครบครันและสมบูรณ์แบบที่สุด ในทำเลศักยภาพสูงของประเทศ เพื่อให้ศูนย์การค้าเป็น Recreation Place ให้คนสามารถมาพักผ่อน ใช้ชีวิตในศูนย์การค้า สามารถมาเติมเต็มความสุขของการใช้ชีวิต
คุณกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของซีพีเอ็น กล่าวว่า “การก้าวไปข้างหน้าแต่ละครั้งของซีพีเอ็นจะต้องเป็นก้าวที่สำคัญและสร้างความยิ่งใหญ่ ซึ่งครั้งนี้เราเล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจบนโลเคชั่นที่ดีที่สุด 2 แห่งของประเทศ ที่มีศักยภาพสูง ทั้งการขยายตัวของเมือง และกลุ่มเป้าหมายกำลังซื้อสูง ซึ่งจะเป็นโอกาสในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจได้อย่างก้าวกระโดด ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ซีพีเอ็นจะต้องช่วงชิงโอกาสในการเปิดศูนย์การค้าในทำเลสำคัญของประเทศก่อนใคร นอกจากนี้อีกก้าวใหม่ของซีพีเอ็น คือ การนำนวัตกรรมการพัฒนาศูนย์การค้ามาสร้างมูลค่าเพิ่มให้แตกต่าง ซึ่งในอนาคตศูนย์การค้าของซีพีเอ็นทุกแห่ง จะมีรูปแบบใหม่ที่ต่างกันไปทุกที่ เพื่อเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ เติมเต็มไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตให้ผู้บริโภคยุคใหม่มีความสุขยิ่งๆ ขึ้น”
การพัฒนาโครงการ เซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย ถือเป็นการช่วงชิงโอกาสทางธุรกิจครั้งสำคัญของซีพีเอ็น บนทำเลที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ เพราะเกาะสมุย เป็น Beach Destination ระดับโลกของไทย ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงในทุกด้าน การพัฒนาโครงการ เซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย จะเป็นการเข้าไปต่อยอดความยิ่งใหญ่ และสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้กับเกาะสมุย ที่มีเทรนด์การเติบโตของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งตัวเลขนักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศในแถบยุโรป ออสเตรเลีย รัสเซีย และจีนที่มีกำลังซื้อสูง นอกจากนี้ เกาะสมุยยังมีการเติบโตของการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับเป็นบ้านพักตากอากาศสำหรับชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งโครงการคอนโดมิเนียมที่มีราคาตั้งแต่ระดับ 1 ล้านบาทขึ้นไป จนถึง Luxury Villa ที่มีราคาสูงกว่า 60 ล้านบาท
เซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย มีมูลค่าการลงทุนกว่า 3,100 ล้านบาท ตั้งอยู่บนทำเลดีที่สุดบนหาดเฉวง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมและเป็นย่านเศรษฐกิจหลักของสมุย ที่มีโรงแรมชั้นนำอยู่รายรอบ ที่ตั้งโครงการห่างจากสนามบิน เพียง 5 นาที และ 20 นาทีจากท่าเรือ โครงการตั้งอยู่บนที่ดินกว่า 37 ไร่ ขนาดโครงการ 90,000 ตร.ม. โครงการนี้จะเป็นต้นแบบ Theme Mall แห่งแรกของซีพีเอ็น ที่มีความโดดเด่นด้านดีไซน์การออกแบบระดับโลก ให้บรรยากาศการช้อปปิ้งในสไตล์รีสอร์ทในคอนเซ็ปต์ “Reminiscence of Southern Lifestyle” สอดรับกับความเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก สามารถรับอรรถรสในการช้อปปิ้งไปพร้อมๆ กับการพักผ่อน ที่นี่จะเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของสมุย เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งมีจุดเด่นที่มาตรฐานโครงการระดับเวิลด์คลาส พร้อมด้วยสุดยอดสินค้าและบริการตอบโจทย์นักท่องเที่ยวได้ครบครัน
เซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย มีห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล พร้อมด้วย Tops, PowerBuy, SuperSports, และ B2S เป็น Anchor หลัก เป็นศูนย์รวมร้านค้าแบรนด์ชั้นนำทั้งไทยและอินเตอร์กว่า 200 ร้านค้า มีแบรนด์แฟชั่นระดับโลก และ Night Bazaar รองรับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ ที่นี่จะเป็น Dining Destination แห่งใหม่ที่รวมร้านอาหารหลากหลายรูปแบบที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ เพียบพร้อมด้วยเอนเตอร์เทนเมนต์ โรงภาพยนตร์ ที่ทันสมัย และจะเป็นศูนย์กลางในการจัดกิจกรรมระดับประเทศ เพื่อเป็นการสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยว ดึงนักท่องเที่ยวมาที่สมุยอย่างต่อเนื่อง มีกำหนดเปิดในไตรมาส 1 ปี 2557 และเมื่อเปิดให้บริการคาดว่า จะมี Traffic ต่อวันกว่า 35,000 คน
ด้าน เซ็นทรัลพลาซา ศาลายา มีมูลค่าโครงการกว่า 3,900 ล้าน มีพื้นที่โครงการขนาด 180,000 ตร.ม. บนพื้นที่ใหญ่ 70 ไร่ บนถนนบรมราชชนนี ขนาด10 เลน บริเวณศาลายา ระหว่างถนนพุทธมณฑลสาย 5 และ 7 ซึ่งจะรองรับการขยายตัวของกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่อยู่อาศัยที่มีความหนาแน่นสูงในปัจจุบัน เป็นศูนย์กลางการศึกษา แหล่งรวมคนรุ่นใหม่ ที่มีกำลังซื้อสูง และมีแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในอนาคตจากแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจใหม่ รวมถึงการขยายโครงข่ายคมนาคมในอนาคต นอกจากนี้ ที่นี่จะเป็นศูนย์การค้าหลักที่รองรับกำลังซื้อของคนในจังหวัดนครปฐม เซ็นทรัลพลาซา ศาลายา จะเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ในรูปแบบ “Theme Mall” แห่งแรก ที่มีสวนโบทานิคประดับด้วยพรรณไม้นานาชนิด ทั้งแนวราบและแนวดิ่ง ทั่วทั้งศูนย์การค้า โดดเด่นด้วยดอกกล้วยไม้หลากพันธุ์ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ ภายใต้แนวคิด “Contemporary Botanical” นำบรรยากาศ Outdoor เข้าไปไว้ในศูนย์การค้า ให้บรรยากาศเหมือนเดินช้อปปิ้งอยู่ในสวน โดย มีกำหนดเปิประมาณไตรมาส 3 ปี 2557 และเมื่อเปิดให้บริการเราคาดว่า จะมี Traffic ต่อวันกว่า 60,000 คน
คุณยุวดี จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า “สำหรับโปรเจ็คการเปิดโครงการ เซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย และ เซ็นทรัลพลาซา ศาลายา ทางห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเอง มีความพร้อมในเรื่องของการคัดสรรสินค้าและบริการที่ดีและทันสมัยที่สุด เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันของ 2 สาขา สำหรับสาขาสมุยนั้น มีพื้นที่ประมาณ 8,000 ตารางเมตร ถูกออกแบบและตกแต่งหน้าร้านให้มีความโดดเด่นและทันสมัย เน้นความสดใสและมีชีวิตชีวา เพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์หลักของศูนย์การค้าที่มีการตกแต่งในบรรยากาศ รีสอร์ทระดับโลก ให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงความสะดวกสบายในบรรยากาศแห่งการพักผ่อน กลุ่มเป้าหมายหลักคือกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยและคนในพื้นที่ ส่วนสาขาศาลายามีพื้นที่ประมาณ 24,000 ตารางเมตร มีทั้งหมด 4 ชั้น ซึ่งลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของสาขานี้ เป็นกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่ กลุ่มวัยทำงานและกลุ่มวัยรุ่น โดยพื้นที่รอบๆ ห้างดังกล่าว ถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพในการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจสูง มีโครงการที่อยู่อาศัยในระดับ A และ B+ จำนวนมาก รวมถึงสถานศึกษาชั้นนำอย่าง มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล”
ทั้งนี้ ซีพีเอ็นมองว่าจากนี้ไปเศรษฐกิจและการบริโภคของไทยจะดีขึ้น รวมถึงแนวโน้มธุรกิจค้าปลีกมีสัญญาณที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีปัจจัยเกื้อหนุนให้ธุรกิจขยายตัวหลายด้าน โดยซีพีเอ็นมีแผนขยายธุรกิจต่อเนื่องทุกปี ด้วยเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่าปีละ 10,000 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจให้โตแบบก้าวกระโดด เสริมความแข็งแกร่งขององค์กร โดยคาดว่าปีนี้บริษัทจะมีรายได้เติบโตประมาณ 15% เมื่อเทียบกับปี 2555