กรุงเทพฯ--7 พ.ค.--ฐิติกร
บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและประเทศ พร้อมออกหุ้นกู้หรือกู้เงินสถาบันการเงินทันทีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงตามแรงกดดันจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นอย่างต่อเนื่องและแรงกดดันจากรัฐบาล
นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ TK เปิดเผยว่า TK มีแผนที่จะออกหุ้นกู้และเงินกู้ระยะยาว ระหว่าง 3 ปี ถึง 5 ปี ซึ่งเป็นนโยบายหลักในการบริหารต้นทุนทางการเงิน ซึ่งปัจจุบัน TK มีเงินกู้ระยะยาวและหุ้นกู้อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3,550 ล้านบาท หรือ 65% ของเงินกู้ทั้งหมด โดยอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4%
“เนื่องจาก TK เป็นลูกค้าชั้นดีและไม่เคยเป็น NPL ของทุกสถาบันการเงิน TK ได้รับการสนับสนุนที่ดีมาโดยตลอด การกู้เงินจากสถาบันการเงินหรือออกหุ้นกู้อัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะยาวนั้น เป็นผลดีกับ TK ในการบริหารต้นทุนและลดความเสี่ยงในด้านอัตราดอกเบี้ย เพราะปัจจุบัน เรามีสัดส่วนเงินกู้ต่อทุนหรือ Debt Equity Ratio ต่ำเพียง 1.5 เท่า TK จึงพร้อมที่จะกู้เงินอัตราดอกเบี้ยคงที่เพิ่ม เพื่อขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง” นายประพลกล่าว
ปัจจุบัน ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวนและในหลายภูมิภาคกำลังมีปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะยุโรป (ECB) ได้ลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง จาก 0.75% มาอยู่ที่ 0.5% อัตราดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่รัฐบาลหลายประเทศใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ไขวิกฤติทางการเงิน ในขณะที่ประเทศไทยกำลังประสบกับปัญหาค่าเงินบาทแข็ง ทำให้กระทรวงการคลังเชื่อว่าการลดอัตราดอกเบี้ยในประเทศไทย น่าจะเป็นแนวทางทำให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับภาวะเศรษฐกิจโลกได้ ในขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินหรือ กนง. ยังไม่มีมติใดๆ เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
นายประพลกล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญในการแข่งขันตลาดเช่าซื้อ ซึ่งที่ผ่านมา TK สามารถบริหารจัดการต้นทุนดอกเบี้ยได้ดีเนื่องจาก TRIS ให้ Credit Rating แก่ TK ที่ A- ทำให้ดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ย TK ในช่วง 3 - 4 ปีอยู่ที่ประมาณ 4%
นายประพลกล่าวว่า TK สามารถเติบโตต่อเนื่องได้ดีมาโดยตลอด TK ได้ตั้งเป้าไว้เมื่อต้นปีนี้ว่าจะเติบโตอีกไม่ต่ำกว่า 10% ในปีนี้ ในขณะที่ผลประกอบการเมื่อปีที่แล้ว รายได้รวมเพิ่มขึ้นจาก 3,369.6 ล้านบาท ในปี 2554 มาเป็น 3,662.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.7% ส่วนพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อสุทธิรวม เพิ่มขึ้นจาก 7,576.3 ล้านบาท ในปี 2554 มาเป็น 8,647.9 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 14.1% และกำไรสุทธิ 712.1 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลกำไรสูงสุดนับจากการก่อตั้งกิจการมากว่า 40 ปี และทำลายสถิติติดต่อกัน 3 ปีซ้อน
การขยายสาขาเป็นอีกกลยุทธ์ที่จะทำให้ TK สามารถรักษาเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ได้ โดยในปีนี้ TK ได้เพิ่มสาขาไปแล้ว 3 สาขา และช่วงเวลาที่เหลือในปีนี้ จะเพิ่มสาขาอีก 7 แห่ง ในขณะที่การขยายทีมงานในปีนี้ TK กำลังเปิดรับสมัครพนักงานเพิ่มเติมอีก 250 คน จากปัจจุบันที่มีพนักงานกว่า 1,800 คนทั่วประเทศ