กรุงเทพฯ--10 พ.ค.--MMM Digital Asset
ภาพยนตร์เรื่อง EPIC เป็นการผจญภัยแนวคอมเมดี้ในรูปแบบซีจีสามมิติ ซึ่งเป็นเรื่องราวของโลกสุดอัศจรรย์ที่ไม่เหมือนกับที่ใดในโลก ผลงานจากผู้สร้างฯ Ice Age และ Rio โดยภาพยนตร์เรื่อง EPIC จะเล่าเรื่องการต่อสู้ที่เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งระหว่างฝ่ายธรรมะที่ต้องการอนุรักษ์ธรรมชาติเอาไว้ และฝ่ายอธรรมที่หวังจะทำลายธรรมชาติ จนกระทั่งมีเด็กสาวคนหนึ่งพบว่าตัวเธอตกไปอยู่ในโลกเร้นลับอย่างน่าอัศจรรย์ จึงเข้าไปรวมพลังกับกลุ่มแม่ทัพเอกและกองกำลังทหารสุดฮา ซึ่งล้วนเป็นตัวละครเก่งๆ ที่คอยกอบกู้โลกของพวกเขา …และเราเอาไว้
ผลงานจากผู้เคยสร้างสีสันให้ภาพยนตร์แฟรนไชส์แอนิเมชั่นที่ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จมาก เรื่อง Ice Age โดยผู้กำกับฯ คริส เวดจ์ และทีมงานแห่ง Blue Sky Studios (เวดจ์เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง) ได้สร้างภาพ ฉากแอ็คชั่นการผจญภัย และรายละเอียดที่สมจริงระดับใหม่ไว้ในเรื่อง EPIC
การเริ่มต้นของ “EPIC”
แรงบันดาลใจแรกของเวดจ์สำหรับเรื่อง EPIC เกิดขึ้นในปี 1998 เมื่อได้เข้าชมงานจัดแสดงศิลปะภาพวาด 100 ปีที่แสดงถึงอาณาบริเวณซับซ้อนที่มีอยู่ในป่า “ในภาพมีเวทมนตร์แห่งอาณาจักรขนาดจิ๋วที่อยู่ตามต้นไม้และพุ่มไม้” เวดจ์เล่าถึงตอนนั้นว่า “ดูเป็นโลกที่มีความงดงาม ตอนนั้นผมคิดเลยว่าต้องสร้างภาพยนตร์ขึ้นมาตรงนั้น”
เมื่อเวดจ์ปิดงานจากภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องดังของเขา “Robots” ไอเดียภาพยนตร์เกี่ยวกับโลกเร้นลับจึงพุ่งพล่านต่อ ขณะเดียวกันผู้ประพันธ์ฯ วิลเลียม จอยซ์ ที่เคยร่วมงานกับเวดจ์ในเรื่อง “Robots” เคยเขียนหนังสือสำหรับเด็กเรื่อง The Leaf Men and the Brave Good Bugs ที่มีตัวละครนักรบซามูไร มนุษย์ใบไม้ และสงครามที่กำลังเกิดขึ้นในสวนหลังบ้านของเราระหว่างพลังแห่งชีวิตและพลังแห่งความเสื่อมสลาย
แอนิเมชั่นล้ำสมัยของ Blue Sky Studios เหมาะต่อการสร้างสีสันให้ EPIC มาก “สถานที่บางแห่งไม่มีอะไรเข้าถึงได้นอกจากแอนิเมชั่น” เวดจ์อธิบายว่า “เรามีการพัฒนาฝีมือด้านงานศิลป์และเทคนิค ตอนนี้เราสามารถสร้างโลกทั้งใบให้มาอยู่ในธรรมชาติได้ ผมคิดว่าทำให้ผู้ชมอินไปกับภาพ อารมณ์ และความรู้สึกในดินแดนที่เราสัมผัสผ่านทางแอนิเมชั่นได้เท่านั้น”
โลกของ EPIC มีการผสมผสานกันระหว่างความคุ้นตากับความน่าอัศจรรย์ ป่าไม้ต่างจากที่เราเคยเห็นมา เมล็ดจิ๋วๆ ดูเหมือนหินก้อนใหญ่ บรรดาก้อนหินมีไซส์เท่าภูเขา ดอกไม้ใหญ่ยักษ์และดูซับซ้อน ส่วนผีเสื้อก็มีสีสันยามโบยบิน
ในโลกใบนี้เวดจ์ได้ผสมผสานฉากการต่อสู้อันน่าตื่นเต้นกับการแสดงจากตัวละครที่ดูคุ้นตาและมีความรู้สึก โดยที่มาของมุขตลก ความสนุกสนาน และเรื่องราวซึ้งๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างความอัศจรรย์ด้านภาพที่ยกระดับขึ้นมาใหม่ด้วยภาพแอนิเมชั่น ความเนียนสมจริง ฉากแอ็คชั่นและการผจญภัย คือตัวละครจากเรื่อง EPIC และเหล่านักแสดงผู้มารับหน้าที่สำคัญ
เหล่านักแสดงและตัวละครในเรื่อง “EPIC”
เราได้สัมผัสกับโลกของ EPIC ผ่านมุมมองของแมรี่ แคทเธอรีน (เธอชอบชื่อ เอ็ม.เค. มากกว่า) เธอเป็นเด็กสาววัย 17 ที่ฉลาดและมีความกล้าหาญมุ่งมั่น เธอพบว่าตัวเองอยู่ในการผจญภัยแห่งนิรันดร์ หลังจากที่เธอกลับสู่บ้านวัยเด็กเพื่อสานสัมพันธ์กับศาสตราจารย์บอมบ้า พ่อที่ห่างเหินกับเธอ เอ็ม.เค.หมดความอดทนกับเรื่องมนุษย์ล่องหนของพ่อที่อาศัยอยู่ในป่า แต่เมื่อเธอถูกส่งไปยังโลกของมนุษย์ใบไม้อย่างน่าอัศจรรย์ เธอจึงมีทัศนคติใหม่ขึ้นมา ในการหาทางกลับบ้าน เอ็ม.เค.ต้องทำมากกว่าการเชื่อในโลกใบนี้ คือต้องให้ความช่วยเหลือด้วย
อแมนด้า ไซย์ฟรีด นักแสดงยอดฝีมือชื่อดังจากภาพยนตร์เรื่อง Les Miserables และ Momma Mia มารับบทของเอ็ม.เค. นักแสดงสาวเล่าให้ฟังว่า “เธอมีความมุ่งมั่นและขาดการติดต่อกับพ่อ จนเธอคิดว่าไม่มีทางได้กลับไปอยู่กับพ่อแล้ว”
แต่การผจญภัยอันเหลือเชื่อของเอ็ม.เค.ในโลกเร้นลับที่สวนหลังบ้านของเธอได้เปลี่ยนแปลงชีวิตเธอไปหลายด้าน ไม่ใช่วามรู้สึกที่เธอมีต่อพ่อแค่นั้น “เธอเชื่อพ่อจนสนิทใจ” ไซย์ฟรีดเล่าว่า “พ่อพูดถูกในหลายๆ เรื่อง”
อีกคนที่อยู่ในชีวิตของเอ็ม.เค.เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในแดนสนธยามีนามว่าน็อด จอช ฮัทเชอร์สันผู้เคยรับบท พีต้า มัลลาร์ค นักรบในภาพยนตร์ไตรภาคเรื่องดัง “The Hunger Games” มารับบทน็อด
น็อดมีความหล่อเหลาปราดเปรียว เขาเป็นคนชอบแหวกกฏและคอยฉายเดี่ยวตลอด แต่นิสัยการฉายเดี่ยวไม่ตรงกับอุดมการณ์ของทีมมนุษย์ใบไม้ เขาจึงออกจากกองทัพ หลังจากที่เอ็ม.เค.มาอยู่ในโลกของเขา และมีการเดิมพันสูงขึ้น น็อดพบว่าการเป็นฮีโร่ที่แท้จริงเป็นเช่นไร
เอ็ม.เค.และน็อดต้องผจญภัยร่วมกัน ทำให้ทั้งคู่เกิดความสนิทและกลายเป็นเรื่องราวสุดโรแมนติกที่น่าสงสัยและต้องต้านทานไว้ในช่วงแรก เสน่ห์ที่ยั่วใจอีกฝ่ายหนึ่งได้มาจากความรู้สึกของพวกเขาที่ถูกตัดขาดจากสิ่งอื่น เอ็ม.เค.ถูกตัดจากการพบหน้าพ่อของเธอ ส่วนน็อดถูกตัดจากธรรมชาติที่ต่อต้าน ซึ่งเขาเดินตามรอยผู้นำมนุษย์ใบไม้โรนิน พ่อผู้เป็นแบบอย่างของเขา
น็อดชอบแข็งข้อกับโรนินอย่างไร้มารยาท และท่าทางที่ต่างจากมนุษย์ใบไม้อย่างที่น็อดจะทำได้ “น็อดเป็นคนหัวแข็ง รักอิสระ และไม่คาดไม่ถึงว่าจะต้องทำหน้าที่พิทักษ์โลกของเขา” ฮัทเชอร์สันเล่าว่า “หลังจากที่พบกับเอ็ม.เค. เขาเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองหลายอย่าง จนเข้าใจและยอมรับในชะตาชีวิตตัวเอง
“โรนินเป็นคุณพ่อต้นแบบสำหรับน็อด และเป็นผู้นำมนุษย์ใบไม้ที่คอยปกป้องน็อด แต่เขาทำหน้าที่ได้ไม่ดีนัก” ฮัทเชอร์สันเล่าต่อว่า “โรนินเป็นคนมาดนิ่งและซื่อสัตย์ ส่วนน็อดไม่ใช่แบบนั้นเลยอย่างน้อยก็ในช่วงแรก พวกเขาไม่ค่อยเผชิญหน้ากันมากนัก”
เราจะเห็นความกล้าหาญ ฝีมือที่เฉียบขาดดั่งผู้นำ และความประมาทของน็อดได้ในช่วงที่ผนึกกำลังกันอย่างแข็งขัน และการต่อสู้อย่างดุเดือดที่ผู้สร้างภาพยนตร์เหวี่ยงน็อด ศัตรูฝ่ายตรงข้าม และผู้ชมผ่านต้นไม้ พุ่มไม้ และทุ่งนาในช่วงเวลาแห่งการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้น
โรนินไม่โปรดกิจวัตรที่ไม่ข้องเกี่ยวกับมนุษย์ใบไม้ ผู้นำแห่งมนุษย์ใบไม้ที่มีใบหน้าแหลมคมและกร้านศึกสงคราม เหล่ากองทัพสาบานตนเพื่อปกป้องทุกชีวิตในผืนป่า โรนินใช้ชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อว่า “หลากใบหนึ่งต้น” ซึ่งมีความหมายว่า เราต่างแยกตัวเป็นหนึ่งแต่ขณะเดียวกันต่างเป็นส่วนหนึ่งของสังคม เขาไม่รีรอที่จะเอาชีวิตเดิมพันเพื่อคนที่เขาห่วงใยเลย ตอนที่ป่าไม้และราชินีผู้เป็นที่รักของเขาถูกโจมตี โรนินเรียกรวมพลมนุษย์ใบไม้ให้ต่อสู้ด้วยความกล้าหาญและอารมณ์ฝืดเคือง
โคลิน ฟาร์เรลมารับบทของโรนิน ฟาร์เรลเป็นชาวไอร์แลนด์ ช่ววงแรกเขาต้องพยายามออกเสียงสำเนียงอเมริกันอย่างหนัก แต่ผู้สร้างภาพยนตร์มองว่าสำเนียงท้องถิ่นของเขาเป็นการผสมเสน่ห์ที่ครองใจ และมีความเป็นธรรมชาติเหมาะกับตัวละครดี
ผู้สร้างภาพยนตร์ฯ ไม่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายสำหรับฟาร์เรลที่ต้องนึกภาพโรนิน ผู้กำกับศิลป์ฯ ไมเคิล Knapp เรียกว่า “เหมือนคลินท์ อีสต์วูดปะทะกับจอห์น เวย์น” ถ้านั่นยังบรรยายถึงความกดดันไม่พอ ฟาร์เรลอธิบายให้เห็นชัดว่าภาพยนตร์เพิ่มความท้าทายให้นักแสดงและทีมงานของเรื่อง EPIC ทุกคนมาก “ภาพยนตร์ยิ่งใหญ่ทั้งชื่อ ทั้งสภาพแวดล้อม และทั้งสิ่งที่ได้พบเจอ” นักแสดงเล่าว่า “ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้สมกับชื่อที่ตั้งไว้เลย จากความมุ่งมั่นให้ก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ จำนวนนักแสดงและภาพวิชวลที่น่าตะลึง”
ยานพาหนะของโรนินและมนุษย์ใบไม้คือนกฮัมมิงเบิร์ด ซึ่งในโลกแห่งการต่อสู้ของ EPIC นกฮัมมิงเบิร์ดทำหน้าที่เป็นทั้งมอเตอร์ไซค์และเฮลิคอปเตอร์ “พวกมันเป็นนกที่มีความปราดเปรียวว่องไวสุดเท่าที่จะนึกได้” แนปป์เล่าว่า “พวกมันพลิกตัว บินขึ้นลง ถอยหลัง ทำอะไรก็ได้ตามที่เราต้องการ”
ผู้ที่สนิทและมีอิทธิพลต่อโรนินมากสุดคือราชินีทาร่า รับบทโดยศิลปินแห่งตำนานอย่างบียอนเซ่ โนวส์ ซึ่งให้เสียงพากย์ในภาพยนตร์แอนิเมชั่นเป็นครั้งแรกในเรื่อง EPIC ทาร่าเป็นคนสวย ปราดเปรียว แข็งงแกร่ง เธอไม่ใช่แค่ราชินีของมนุษย์ใบไม้เท่านั้น เธอเปรียบเหมือนพลังอำนาจแห่งผืนป่า ซึ่งเธอปกครองด้วยความเคารพ ความเมตตา และอารมณ์ขัน ความผูกพันที่เกิดขึ้นระหว่างทาร่าและโรนิน สำหรับทุกคนแล้วทาร่าคือราชินี แต่สำหรับโรนิน เธอเป็นมากกว่านั้น
เมื่อทาร่ารู้ว่าตัวเองตกอยู่ในอันตราย เธอรู้ว่าวางใจโรนินได้เสมอ แต่สัมผัสพิเศษระหว่างเธอกับธรรมชาติทำให้เธอมีพลังเหนือกว่าคนอื่น เมื่อทุกอย่างดูคล้ายจะสิ้นหวัง เธอจึงขอความช่วยเหลือจากดินแดนสุดเซอร์ไพรส์
ทาร่าเปรียบเสมือนผืนป่า เธอมีพลังสื่อได้กับดินแดนของเธอ ดอกไม้จะเบ่งบานและโค้งคำนับเธอ “ทาร่าเปรียบเสมือนหัวใจของผืนป่า และเธอเป็นที่รักของประชากรของเธอที่เรียกว่า จิน” บียอนเซ่กล่าว
บียอนเซ่เห็นด้วยกับฟาร์เรลที่จะปลุกภาพยนตร์ให้มีความอลังการสมชื่อเรื่อง “ภาพยนตร์เรื่อง EPIC เป็นเรื่องราวการต่อสู้อย่างดุเดือดระหว่างธรรมะและอธรรม โดยเรื่องราวเกิดขึ้นในดินแดนที่มีทิวทัศน์กว้างไกลอย่างที่คุณไม่เคยสัมผัสในภาพยนตร์มาก่อน” เธออธิบายว่า “ในเรื่อง EPIC อลังการไปซะทุกอย่าง ทั้งฉากแอ็คชั่น สิ่งเดิมพัน ตัวละคร แต่ในเวลาเดียวกันทุกอย่างก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ทั้งนั้น”
บียอนเซ่ชื่นชมในตัวทาร่ามากกว่าแค่ด้านความงาม พลังอำนาจ และยศฐาบรรดาศักดิ์ “ที่ฉันชอบในตัวทาร่าที่สุดคือเธอเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชนที่เธอปกป้อง และทาร่าเป็นแบบอย่างให้ตัวละครที่อายุยังน้อยด้วย”
สำหรับการคัดเลือกตัวนักแสดง เวดจ์คิดถึง “ความยิ่งใหญ่” อย่างไม่ต้องสงสัยเลย เขาเล่าว่า “ทาร่าต้องมีบารมีและเป็นสัญลักษณ์” และไม่มีศิลปินคนไหนที่สร้างความบันเทิงได้ยิ่งใหญ่ไปกว่าบียอนเซ่ เจอร์รี่ เดวิส ผู้อำนวยการสร้างฯ กล่าวเสริมว่า “บียอนเซ่มีพลังและบุคลิกของราชินีที่ดูไม่มีพิธีรีตรองอะไร”
แม้ว่าน้ำเสียงการร้องของเธอที่มีความไพเราะและมีความชำนาญเป็นที่ชื่นชอบของทั่วโลก แต่น้ำเสียงการพูดของบียอนเซ่คือสิ่งที่ทำให้ผู้สร้างภาพยนตร์เชื่อว่าเธอคือราชินีทาร่า “บียอนเซ่มีน้ำเสียงที่ไพเราะและมีความนุ่มนวล ลักษณะการพูดของเธอทำให้เราคล้อยตามได้จริงๆ” ลอรี่ ฟอร์เต้ ผู้อำนวยการสร้างกล่าว
บ้านของราชินีทาร่าอยู่ที่มูนเฮเว่น ซึ่งเป็นสวนอีเดนของจริงถิ่นกำเนิดของพรรณไม้และก้อนหิน รวมถึงเป็นถิ่นกำเนิดของความสมบูรณ์และความกลมกลืน บริเวณหนึ่งที่น่ากลัวสุดของมูนเฮเว่นคือริมสระน้ำที่บริวารทั้งสองของเธอจะดูแลรังไหมที่ทาร่าจะเลือกทายาทของเธอ โดยทุก 100 ปีรังไหมจะเบ่งบานใหม่และทดแทนราชินีองค์ปัจจุบัน
สองผู้จงรักภักดีของทาร่าที่รับผิดชอบหน้าที่สำคัญนีคือ มับ ตัวสลั๊กจอมเจ้าชู้ที่ชอบหลงตัวเอง ซึ่งอยู่อันดับล่างของห่วงโซ่อาหาร แต่เคารพตัวเองเป็นใหญ่ และคู่หูของเขาที่ชื่อ กรั๊บ หอยทากที่อยากเป็นมนุษย์ใบไม้ แม้ว่าคู่ slug และหอยทากคู่ฮานี้จะไม่มีกระดูกสันหลัง แต่พวกเขาแสดงความแกร่งออกมาให้เห็นโดยการเข้าร่วมภารกิจพิทักษ์โลกของพวกเขา
อนาคตของมูนเฮเว่นถูกฝากไว้กับเจ้าตัวเรืองแสงที่มีลูกตาและชอบนึกภาพตัวเองว่าเป็นฮีโร่
ดูโอคู่นี้จะถูกทุกคนดูถูกยกเว้นราชินี อาซิส แอนซารี่ นักแสดงตลกผู้มารับบท มับ อธิบายว่ามีอะไรมากกว่าที่เห็นในแววตาคู่หูคู่นี้ “มับอาจจะเป็นเพียง แต่เขาก็มีความลึกซึ้ง หลังจากที่พวกเขาดูแลรังไหมและจัดการเรื่องความชุ่มชื้น รังไหมต้องมีความชุ่มชื้นและใครจะให้ความชุ่มชื้นได้ดีไปกว่าเจ้าตัวสลั๊กกับหอยทากล่ะ?”
“มับและกรั๊บมีความฝันอันยิ่งใหญ่” นักแสดงซิตคอมที่ได้รับคำชมเรื่อง Parks and Recreation กล่าว เขามีความฝันในการจีบเอ็ม.เค.ของมับ แต่กลับเป็นไปไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาเชื่อว่าใจตรงกัน “มับรู้สึกว่าความผูกพันของเอ็ม.เค.ที่มีต่อเขามันยากจะต้านทาน แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี” แอนซารี่กล่าว “ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลกเพราะเธอเขาไม่ใช่มนุษย์ด้วยซ้ำ มันจึงเป็นมากกว่าอุปสรรคซะอีก”
ความฝันของกรั๊บเองก็แทบจะเป็นไปไม่ได้พอๆ กับของเพื่อนเขา สัตว์ที่มีวิวัฒนาการขั้นต่ำจะกลายเป็นมนุษย์ใบไม้ ซึ่งเป็นนักรบที่มีความสามารถไม่ธรรมดาได้อย่างไร? “กรั๊บพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะได้รับการยอมรับให้เป็นผู้ท้าชิงอัศวินมนุษย์ใบไม้” คริส โอ’ดาวด์ (Bridesmaids) ผู้รับบทกรั๊บกล่าว “มนุษย์ใบไม้ปราดเปรียวกว่าสิ่งอื่นใด และความคล่องตัวไม่ใช่องค์ประกอบสำคัญ เมื่อเราเป็นหอยทาก แต่กรั๊บมีความกล้าหาญมาก แม้ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีกระดูกสันหลังก็ตาม เขามีความตั้งใจว่าอยากเป็นมนุษย์ใบไม้เป็นพิเศษ แต่บางครั้งเราต้องแกล้งจินตนาการจนกว่าจะทำสำเร็จ ซึ่งนั่นคือหลักการของกรั๊บ”
สำหรับเวดจ์ ทีมงานผู้ออกแบบ และทีมแอนิเมชั่นของเขา ตัวละครทั้งสองและสารหนืดเหนียวที่เป็นสัญลักษณ์ของพวกเขาเป็น “สิ่งที่สร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากที่สุด และต้องสร้างภาพเคลื่อนไหว เพราะพวกเขาเคลื่อนที่ไปได้เกือบทุกรูปแบบ”
“เราต้องพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้สารหนืดเหนียวที่ถูกต้อง” แนปป์กล่าวเสริม
ความพยายามของมับ กรั๊บ และกลุ่มมนุษย์ใบไม้จะขาดไม่ได้เลย เพราะต้องปกป้องรังไหมและทายาทของราชินีจากความชั่วร้ายที่รู้จักกันในนามบ็อกแกนส์ ศัตรูร้ายจอมเจ้าเล่ห์ที่จ้องจะทำลายมูนเฮเว่น สำหรับบ็อกแกนส์ไม่มีคำว่ากฏ
ผู้สร้างภาพยนตร์นึกภาพของบ็อกแกนส์ว่าเป็นผู้สร้างความเสื่อมโทรมให้โลกธรรมชาติ เวดจ์อธิบายว่า “คุณอาจเดินอยู่ในป่าหรือสวนสาธารณะแล้วเห็นอะไรที่ดูเหมือนตุ่มยื่นออกมาจากต้นไม้ นั่นล่ะผลงานของบ็อกแกนส์” จุดศูนย์กลางของความเสื่อมสลายเรียกว่าแรธวู้ด ซึ่งมีความมืดของอุโมงค์ที่คดเคี้ยวหวาดเสียว แตกต่างจากมูนเฮเว่นที่โปร่งและสว่าง
พลังสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความชั่วร้ายและการทำลายล้างคือผู้นำแห่งบ็อกแกนส์ที่ชื่อ แมนเดรค ความสามารถของเขาที่สัมผัสอะไรก็ทำลายสิ่งนั้นเป็นทั้งพรสวรรค์และคำสาป และบริวารของเขาชาวบ็อกแกนเป็นศัตรูเบอร์หนึ่งของมนุษย์ใบไม้ แมนเดรคเบื่อการหลบซ่อนตัวอยู่ในเงา ลูกชายของเขา แด็กด้า (รับบทโดยเบลค แอนเดอร์สัน) ที่อยู่ฝั่งเขาวางแผนชั่วร้ายเอาไว้ เพื่อทวงคืนป่าที่เขาเชื่อมาโดยตลอดว่าควรเป็นของเขา
ผู้มารับบทเป็นนักแสดงเจ้าของรางวัล Academy Award? ถึงสองครั้ง คริสทอฟ วอลซ์ (Django Unchained, Inglourious Basterds) เขาเล่าว่าแมนเดรคทั้งขี้โกง อันตราย รอบรู้หลายเรื่อง ตลกและดูประหลาด ความคิดที่หลักแหลมและวาจาข่มขู่จะถูกภาพลักษณ์ที่ดูคล้ายแวมไพร์ของเขากลบเกลื่อน เขาสวมผ้าคลุมค้างคาวด้วย “เหมือนกับชาวอเมริกันพื้นเมืองที่สวมชุดหนังควายเลย” เวดจ์กล่าว “พวกเขาอยากเข้าถึงอารมณ์ของสัตว์จึงสวมชุดหนังของมัน แมนเดรคก็ทำเช่นนั้น” มีการออกหากินตอนกลางคืนและพวกหนูที่น่ากลัว ค้างคาวเป็นยานพาหนะที่บ็อกแกนส์ชอบใช้ด้วย
เวดจ์มีโอกาสได้ร่วมงานกับวอลซ์ และได้ร่วมงานมากกว่าที่คิดไว้เมื่อผู้กำกับอ่านประโยคโต้ตอบกับวอลซ์ระหว่างช่วงบันทึกเสียง “คริสทอฟอยากแสดงฉากต่างๆ ตลอด โพเดียมของเราจึงตั้งตรงข้ามกัน เขาแสดงเป็นแมนเดรค ส่วนผมอ่านบทตัวละครทุกตัวที่เขามีบทด้วย ทุกครั้งที่ผมเงยหน้าขึ้นมาจากบทก็จะเห็นคริสทอฟจ้องผมอยู่ด้วยมาดของแมนเดรคที่สมจริง เขาแสดงฉากนั้นได้อย่างแนบเนียน มันทั้งน่ากลัวและน่าตื่นเต้นเลย”
ตัวละครที่มีความสุภาพกว่าแมนเดรคและมีความคล้ายมนุษย์ใบไม้มากคือ นิม กาลู นิมเป็นสัตว์สังคม แต่อย่าปล่อยให้เจ้าดักแด้มาหลอกคุณได้นะ ความฉลาดและความจริงจังกับการรอบรู้ทำให้เขากลายเป็นพวกอยู่เบื้องหลังในการต่อสู้ครั้งสำคัญเพื่อปกป้องผืนป่า
นิมมีร่างกายขนาดใหญ่ มีหกแขน สี่ขา และมีเปลือกที่เป็นเอกลักษณ์ โดยลวดลายนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากปีกผีเสื้อ
ผู้มารับบทนิมคือหัวหน้าวงแอโรสมิธ สตีเฟ่น ไทเลอร์ จากการสบตาครั้งแรก การคัดเลือกตำนานร็อคแอนด์โรลเพื่อมาสวมบทลุงนักปราชญ์ (ผู้รักความสนุกสนาน) แห่งผืนป่า เป็นเรื่องที่ไม่ได้คาดคิด แต่เวดจ์เล่าถึงไอเดียในการแคสต์ไทเลอร์ว่า “ความคิดนั้นผ่านมาที่เรา ฟังเสียงของสตีเฟ่นแล้วรู้สึกว่าเขามีรายละเอียดสำคัญทุกอย่างของนิม ซึ่งเป็นตัวละครตลกที่มีพลังเปี่ยมล้นเหมือนสตีเฟ่น”
สำหรับไทเลอร์แล้ว บทบาทนี้ทำให้เขานึกถึงประสบการณ์บางอย่างของเขาในวัยเด็ก “ผมโตขึ้นมากับป่าไม้ที่นิวแฮมเชียร์ ผมคิดเสมอว่ามีบางอย่างที่ต้องถ่ายทอดเกี่ยวกับความเงียบสงบแห่งผืนป่า” เขาอธิบายว่า “ขณะเดียวกันผมก็รู้สึกกลัวป่า แต่พอโตมาผมกลับรักมัน ผมเลยคิดว่าภาพยนตร์เรื่อง EPIC เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การเล่าขานมาก”
ตอนที่โคลิน ฟาร์เรลหาโทนเสียงของโรนินในช่วงแรก ไทเลอร์ก็ต้องทดลองเสียงสำหรับนิมหลายแบบเช่นกัน ซึ่งเวดจ์กล้าปล่อยให้นักแสดงใช้เสียงในแบบของเขาเอง “ใช่ครับ คริสเอาชนะผมแค่เสี้ยวเดียวตอนที่ผมลองทำเสียงพวกนั้น” ไทเลอร์เล่าถึงตอนนั้น
หากราชินีทาร่ากับมนุษย์ใบไม้ผนึกกำลังด้านดี ส่วนแมนเดรคและบ็อกแกนส์ ผนึกกำลังด้านความชั่วร้าย ตัวละครของบูโฟ คงจะอยู่ระหว่างโลกสองใบนั้น คางคกหนังเหนียว บูโฟเป็นพวกจับแพะชนแกะ ชอบใช้ไหวพริบแก้ปัญหา เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบไม่ว่าด้านไหนจะแพ้หรือชนะก็ตาม
ตัวอย่างของการคัดเลือกตัวนักแสดงที่มาสร้างสรรค์ผลงานอีกคนหนึ่งเป็นแรปเปอร์/นักร้อง/นักแต่งเพลง พิทบูล ที่มารับบทบูโฟ “ตอนนั้นเรามองหาผู้เป็นต้นแบบสักคน และเราถามตัวเองว่าจะไปหาที่ไหน?” เวดจ์อธิบายว่า “เราไม่ไปหานักแสดงทั่วไปหรอก เราจะไปหานักดนตรี ซึ่งพิทบูลได้สร้างความพิเศษบางอย่างให้กับบทบาทขึ้นมา”
พิทบูลมีผลงานที่กำลังฮิตตอนนี้ (ร้องคู่กับคริสติน่า อากิเลร่า) คือเพลง “Feel this Moment” เปรียบเสมือนนักดนตรีผู้ช่ำชองของทีมผู้สร้างแอนิเมชั่น ผู้ออกแบบ และนักแสดงรวมพลังกันสร้างตัวละครภาพยนตร์ขึ้นมา “ตอนที่ผมอัดเสียง ผมได้ยินเสียงใจเต้นและรู้ทันทีเลยว่าตัวเองกำลังทำอะไร และมันจะออกมาแบบไหน” เขาอธิบายว่า “ฉะนั้นสำหรับผู้สร้างแอนิเมชั่นที่เห็นผมการถ่ายทอดการแสดงสู่ตัวละคร…ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์”
กลับมาหาเอ็ม.เค. และการผจญภัยอันเหลือเชื่อของเธอ เราได้พบกับศาสตราจารย์บอมบ้า ซึ่งเป็นพ่อของเธอที่เข้ามาช่วยมนุษย์ใบไม้และมูนเฮเว่น พร้อมกับโลกมนุษย์ในท้ายที่สุด
บอมบ้าเป็นศาสตราจารย์สติเฟื่องจอมเพี้ยน เขามีความสัมพันธ์ที่ห่างเหินกับเอ็ม.เค. เขาใช้ชีวิตในบ้านที่เสื่อมโทรมกลางป่าเขาที่รายล้อมไปด้วยอุปกรณ์สุดมหัศจรรย์ภายในครัวเรือน เขาอุทิศชีวิตให้กับความหลงใหลด้านการศึกษาอารยธรรมของมนุษย์จิ๋วที่เขาไม่เคยพบ แต่พอเอ็ม.เค.หายไป บอมบ้าต้องเอาความฝันของเขาวางทิ้งไว้ใต้กล้องจุลทรรศน์ และค้นหาว่าจริงๆ แล้วที่ผ่านมาเขาต้องการอะไร
มิตรภาพระหว่างพ่อลูกทำให้เกิด “ความรู้สึกสำคัญในภาพยนตร์” นักแสดงจาก SNL เจสัน ซูเดคิส ผู้รับบทบอมบ้ายืนยัน
“บอมบ้าค่อนข้างเพี้ยน เป็นคนสนุกสนาน ขี้เล่นและติ๊งต๊อง” นักแสดงเล่าต่อ “เสียดายที่เอ็ม.เค.เข้าไม่ถึงความน่าสนใจในภารกิจของเขาที่ต้องค้นหาโลกเร้นลับในผืนป่าที่เขารู้ว่ามีจริง แต่ผมชอบมากที่เขามีจังหวะบ้าๆ คอยโจมตีทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นในความคิดของเขา โดยส่วนใหญ่ผมชอบตรงที่เขาเชื่อว่ามีสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเขาเอง”
บอมบ้าอาศัยอยู่ในคฤหาสน์สภาพทรุดโทรมและรกรุงรัง “มันไม่ใช่บ้าน มันเหมือนปลวกกำลังรวมพลังทำลายบ้าน” คนขับแท็กซี่ (จูดาห์ ฟรีดแลนเดอร์จาก 30 Rock) ผู้มาส่งเอ็ม.เค.ที่บ้านบอมบ้ากล่าว ในบ้านมีทั้งอุปกรณ์ สิ่งประดิษฐ์ เซ็นเซอร์ กล้อง อุปกรณ์เฝ้าติดตาม กริ่ง สัญญาณเตือน…และเจ้าสุนัขแก่สามขาที่ชอบน้ำลายยืดอย่างออซซี่ สหายผู้ซื่อสัตย์ของบอมบ้าอายุมากแล้ว แต่เขามีหัวใจของหมาแชมเปี้ยน
การคัดเลือกตัวนักแสดงของภาพยนตร์ที่มีการระดมดาราเอาไว้คับคั่งถือเป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่ไม่ใช่ภารกิจที่ “น่ากลัว” สำหรับเวดจ์เลย เขาอธิบายว่า “การคัดเลือกตัวนักแสดงมีความน่าตื่นเต้นมาก การสร้างตัวละครขึ้นมาสักตัวต้องอาศัยการร่วมงานกันระหว่างการออกแบบ การเขียน การแสดง แอนิเมชั่นและเสียง ผมต้องการให้แต่ละรายละเอียดปลีกย่อยมารวมกันในตัวละครเดียว ผมลองผสมเสียงให้เข้ากับการออกแบบตัวละคร ซึ่งมันทำให้ตัวละครมีชีวิตชีวาขึ้นมา แต่ไม่ได้เบี่ยงเบนความสนใจเราจากหนัง”
ปิดฉาก “EPIC”
ตลอดช่วงโพสต์-โพรดักชั่นที่มีทั้งการลำดับภาพ ประพันธ์ดนตรี การแก้สี มิกซ์เสียง และทำอีกหลายสิ่ง เวดจ์ใช้เวลาสะท้อนถึงแรงท้าทายหลายชั้น และโอกาสที่ได้รับจาก EPIC ซึ่งสามารถแยกภารกิจอันสำคัญของหัวหน้าแผนกต่างๆ และทีมงานของพวกเขา
ผู้ออกแบบฉากฯ เกร็ก เคาช์ เป็นผู้สร้างภาพยนตร์คนแรกๆ ที่มาร่วมงานกับเวดจ์ในเรื่อง EPIC ไอเดียการเติมแต่งโลกใบนี้ในช่วงแรกของการพัฒนา “ผลงานของเกร็กมีสีสันมาก มีความมหัศจรรย์จนน่าตะลึง” ผู้กำกับกล่าว ไมเคิล แนปป์ มาร่วมงานในฐานะผู้กำกับศิลป์ฯ โดยทำหน้าที่ออกแบบตัวละคร สีสัน บรรยากาศ รายละเอียด เนื้อเรื่องและการให้แสง ในฐานะของผู้กำกับศิลป์ฯ เขาต้องร่วมงานกับเวดจ์เพื่อแปลงสภาพผืนป่าที่ดูคุ้นตาให้เป็นกลายเป็นดินแดนประหลาด มีสีสันจัดจ้านกว่า แสงสดใสกว่า และพืชพันธุ์โอนเอนตัวราวกับมีชีวิตจริง
ผู้ควบคุมการสร้างแอนิเมชั่น กาเล็น แทน ชู และ เมลวิน ชิง เชิร์นแทน ค้นหาท่าทางการเคลื่อนไหวให้ตัวละครและสิ่งมีชีวิตต่างๆ อย่างคาดไม่ถึงโดยใช้การปั้น การสร้างหุ่นจำลอง เครื่องแต่งกายและเส้นขน และฝ่ายเอ็ฟเฟ็กต์เองก็สร้างผลงานสำคัญให้โลกของ EPIC ด้วย
แผนกต่างๆ ได้สร้างภาพที่น่าตื่นเต้นสมจริงได้อย่างที่มีเคยมีมาก่อน เวดจ์ยกตัวอย่าง “การผลักดันแอนิเมชั่นให้ก้าวไกลกว่าที่เคยมีมาก่อน” เป็นความท้าทายด้านการสร้างสรรค์ที่น่ากลัวอีกเรื่อง “ตัวละครของเราในเรื่อง EPIC มีลักษณะที่ดูซับซ้อนและเหมือนมนุษย์ที่สุดจากบรรดาผลงานของ Blue Sky Studios เราทั้งหมด” เขากล่าว
ทีมงาน The Blue Sky Studios มีแฟนพันธุ์แท้ใกล้ตัวอย่างบียอนเซ่ โนวส์ เธอเล่าว่า “เหล่าผู้สร้างแอนิเมชั่นอิงผลงานของพวกเขาจากฟุตเทจการบันทึกบทสนทนาของนัแสดง ฉะนั้นการแดงสีหน้าและท่าทางของฉันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของราชินีทาร่าด้วย
“ฉันรู้สึกทึ่งกับรายละเอียดของแอนิเมชั่น” เธอกล่าวต่อว่า “ยากที่จะเรียกว่านั่นเป็นผลงานแอนิเมชั่นมากๆ มันดูราวกับมีชีวิตจริง ฉันนึกภาพว่าได้มีส่วนร่วมในหนังแอนิเมชั่นมาโดยตลอด ฉะนั้นพอได้เห็นผลงานฉันจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก”
ความอลังการอีกอย่างคือโลกของเสียงดนตรี — ผู้ประพันธ์ดนตรี แดนนี่ เอลฟ์แมน (Oz the Great and Powerful, The Simpsons Movie) นำพรสวรรค์ของเขามาใช้กับดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง EPIC “ผมคิดว่าแดนนี่เพิ่มความสมจริงและอารมณ์ให้ภาพยนตร์ได้มากขึ้น และมีการถ่ายทอดความน่ารัก” เวดจ์กล่าว “ในเพลงประกอบภาพยนตร์ทั้งหมดที่สร้างขึ้นใน Blue Sky Studios หนังเรื่องนี้ให้ความรู้สึกมากที่สุด ผมเกลียดการใช้คำว่า ‘อลังการ’ แต่มันให้ความรู้สึกว่าเป็นหนังใหญ่จริงๆ”
หน้าที่ของผู้ออกแบบซาวด์เจ้าของรางวัล Academy Award แรนดี้ ธอม (The Incredibles) คือการเรียงร้อยบทเพลงของเอลฟ์แมนเพื่อเพิ่มเสน่ห์ด้านการฟังเพิ่มขึ้น ธอมใช้เสียงต่างๆ จากธรรมชาติ เช่น ใบไม้ลู่ลม นกบิน หรือลมหายใจเบาๆ ของผู้หญิง และสร้างความแปลกอีกรูปแบบหนึ่งขึ้นมา
ฉากแอ็คชั่นคือพระเอก หรือในกรณีนี้คือราชินีของเรื่อง EPIC ซึ่งมีฉากต่อสู้ที่อลังการสองฉาก รวมถึงการเผชิญหน้าครั้งสำคัญระหว่างมนุษย์ใบไม้ เอ็ม.เค. และบอมบ้ากับแมนเดรคและบ็อกแกนส์ที่จะเป็นการตัดสินชะตากรรมของมูนเฮเว่นมีการถ่ายทอดเรื่องราวอย่างยิ่งใหญ่ ฉากแอ็คชั่นสุดอลังการ เหล่าฮีโร่และตัวร้ายระดับแถวหน้าในสงครามครั้งสำคัญระหว่างธรรมะและอธรรม
นี่เป็นความยิ่งใหญ่อลังการ EPIC และทุกอย่างเกิดขึ้นในโลกที่คุณไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน แต่อยู่ใกล้ตัวคุณเพียงสวนหลังบ้านเท่านั้น