กรุงเทพฯ--12 พ.ค.--ไอเดียเวิร์คส์ คอมมิวนิเคชั่นส์
บริษัท เจียไต๋ จำกัด ผู้บุกเบิกธุรกิจเมล็ดพันธุ์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2464 เดินหน้าปรับปรุงคุณภาพเมล็ดพันธุ์และเพิ่มศักยภาพการผลิตสู่มาตรฐานโลกต่อเนื่อง ล่าสุด เปิดตัวห้องปฏิบัติการใหม่ที่ผ่านการรับรองระบบบริหารคุณภาพตามมาตรฐานจากสมาคมทดสอบเมล็ดพันธุ์นานาชาติ ISTA (International Seed Testing Association) ซึ่งเป็นองค์กรสากลที่กำหนดมาตรฐานห้องปฏิบัติการและวิธีการทดสอบคุณภาพเมล็ดพันธุ์ เป็นที่ยอมรับในวงการค้าเมล็ดพันธุ์ทั่วโลก เทียบได้กับ ISO HACCP GMP ตั้งเป้ายอดส่งออกเพิ่ม 20 เปอร์เซ็นต์
นายมนัส เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติการ บริษัท เจียไต๋ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจจำหน่ายเมล็ดพันธุ์พืชของเจียไต๋ใหญ่ติดอันดับผู้นำในภูมิภาคเอเชีย โดยส่งออกไป 35 ประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ และจีนตอนใต้ มีคู่แข่งรายใหญ่จากประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี ซึ่งไม่มีความชำนาญด้านพืชเขตร้อนเท่ากับเรา ดังนั้นภูมิภาคนี้จึงเต็มไปด้วยโอกาสที่เจียไต๋จะวางรากฐานในการขยายธุรกิจ สำหรับเมล็ดพันธุ์ที่ได้รับความนิยมจากเกษตรกรในต่างประเทศและเป็นจุดแข็งของเจียไต๋ที่พัฒนาและส่งออกไปยังประเทศในเขตร้อน ได้แก่ แตงกวา ฟักทอง มะระ บวบ มะเขือเทศ พริก เมล่อน และแตงโม ทั้งนี้เมล็ดพันธุ์ที่ส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศคิดเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลืออีก 40 เปอร์เซ็นต์ จำหน่ายภายในประเทศ
“ตลอดการดำเนินงานกว่า 90 ปี เราให้ความสำคัญอย่างมากกับการลงทุนวิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์ให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ซื้อและสภาพภูมิอากาศที่ต่างกันของแต่ละประเทศ ทำให้เมล็ดพันธุ์ของเจียไต๋เป็นที่นิยมของเกษตรกรทั่วเอเชีย ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา เจียไต๋เน้นการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ด้วยเงินลงทุนที่สูง โดยให้ความสำคัญในเรื่องของ นวัตกรรม การพัฒนาพันธุ์ใหม่ๆ ที่สามารถแก้ปัญหาและขจัดอุปสรรคการปลูกให้เกษตรกร และตอบโจทย์ความต้องการบริโภคของผู้บริโภคได้ดีที่สุด จึงทำให้เราสามารถขยายธุรกิจไปได้ในเขตร้อนทั่วโลก ทั้งเอเชีย ตะวันออกกลาง จนทำให้วันนี้มูลค่าการค้าในต่างประเทศสูงกว่าในประเทศ” นายมนัส กล่าว
เจียไต๋เป็นบริษัทไทยรายแรกและรายเดียวที่มีห้องปฏิบัติการที่ผ่านการรับรองระบบบริหารคุณภาพตามมาตรฐานจากสมาคมทดสอบเมล็ดพันธุ์นานาชาติ ISTA ซึ่งเป็นองค์กรสากลมีสำนักงานตั้งอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นผู้กำหนดมาตรฐานห้องปฏิบัติการ และวิธีการทดสอบคุณภาพเมล็ดพันธุ์ที่ได้รับการยอมรับในวงการค้าเมล็ดพันธุ์ทั่วโลก
“การค้าขายเมล็ดพันธุ์ ไม่ว่าในประเทศหรือส่งออกจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งควบคุมดูแลโดยหน่วยงานราชการเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค โดยจะกำหนดคุณภาพว่าต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐานที่แต่ละประเทศกำหนด แต่ปัจจุบันลูกค้าต้องการเมล็ดพันธุ์คุณภาพสูงและผ่านการทดสอบโดยห้องแล็บตามมาตรฐาน ISTA โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่นและประเทศที่พัฒนาแล้ว ดังนั้นการได้รับการรับรองโดย ISTA จึงถือเป็นใบรับประกันคุณภาพของห้องปฏิบัติการของเจียไต๋ที่มีมาตรฐานระดับโลก อันจะเป็นกุญแจสำคัญให้บริษัทฯ เพิ่มศักยภาพการส่งออกและเป็นผู้นำด้านเมล็ดพันธุ์อย่างแท้จริง” นายมนัส กล่าว
ทั้งนี้ ห้องปฏิบัติการที่ได้รับมาตรฐาน ISTA ของเจียไต๋จะรับผิดชอบในส่วนของการประกันคุณภาพสินค้า ตั้งแต่เข้ามาในโรงงานจนออกจากโรงงานไปจนถึงมือเกษตรกร โดยการตรวจสอบคุณภาพเมล็ดพันธุ์ มีรายการดังนี้ 1. ตรวจวัดเปอร์เซ็นต์ความงอก 2. ตรวจวัดความชื้น 3. ตรวจวัดความบริสุทธิ์ทางสายพันธุ์โดยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด คือ การวัดโปรตีนในเมล็ดพันธุ์ (Protein electrophoresis) และ 4.ตรวจวัดความบริสุทธิ์ทางสายพันธุ์ในแปลงปลูก นอกจากนี้ยังมีการรับประกันคุณภาพสินค้าให้กับคู่ค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้าที่ตรงตามความต้องการอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ ได้เดินหน้าทำวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่เมล็ดพันธุ์ในอนาคต โดยมีทิศทางในการพัฒนาและเพิ่มมูลค่าให้แก่เมล็ดพันธุ์เพื่อให้มีสุขภาพและพลังชีวิตที่แข็งแรงดียิ่งกว่าเดิมด้วยเทคโนโลยีด้าน Seed Technology ซึ่งได้แก่ 1. Coated seed (เมล็ดเคลือบ) เป็นการรวมศาสตร์ทางด้านสุขภาพเมล็ดในหลายๆ สาขา โดยนำมาเคลือบที่ผิวของเมล็ดเพื่อให้เมล็ดมีคุณภาพดี แข็งแรงและอายุยืน 2.Primed seed (เมล็ดพันธุ์เร่งความงอก) เป็นเทคโนโลยี priming ที่ชุบชีวิตเมล็ด กระตุ้นให้เมล็ดมีความตื่นตัว เป็นเมล็ดที่มีศักยภาพสูง พร้อมที่จะงอกทันทีพร้อมๆ กัน ส่งผลให้ต้นกล้ามีความสม่ำเสมอ ต้นใหญ่รากยาวกว่า แข็งแรงกว่าและงอกเร็วกว่าต้นธรรมดาถึง 4 วัน ซึ่งจะทำให้ได้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น 3.Pelleted seed (เมล็ดปั้น) การพอกเมล็ดด้วยสารที่เป็นประโยชน์ รวมถึงธาตุอาหารที่สำคัญ โดยจะทำให้เมล็ดเปลี่ยนรูปร่างไปจากเดิม เช่น รูปร่างกลม หรือกลมรี นิยมทำกับเมล็ดที่มีขนาดเล็ก ทำให้การเพาะกล้าสะดวกและรวดเร็วขึ้น เหมาะสมกับการใช้กับเครื่องเพาะกล้า ลดต้นทุนเรื่องค่าแรงได้
“ด้วยศักยภาพที่เพิ่มขึ้นจากความมุ่งมั่นพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง รวมถึงการที่ห้องแล็บของเราได้รับการรับรองมาตรฐาน ISTA ในปีนี้เราจึงตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ และการได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ภายใต้วิสัยทัศน์แหล่งกำเนิดอาหารคุณภาพ ก็ได้สร้างความภาคภูมิใจให้แก่เราตลอดมา เพราะเมล็ดพันธุ์คุณภาพของเราทำให้เกษตรกรได้ผลผลิตที่ดี มีคุณภาพ ขายได้ราคาดี ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็ได้บริโภคอาหารที่มีคุณภาพดีอีกด้วย” นายมนัส กล่าวทิ้งท้าย